หากพูดถึงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบมีสาย สาย LAN ยี่ห้อไหนดี ยังคงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ในเรื่องของความเสถียรและความเร็ว ไม่ว่าจะเล่นเกมออนไลน์ สตรีมมิ่งวิดีโอคุณภาพสูง หรือใช้งานในออฟฟิศ ซึ่งสาย LAN แต่ละแบบจะมีคุณสมบัติที่ต่างกัน มาดูกันว่า 10 สาย LAN ที่เราได้นำมาแนะนำสำหรับปี 2024 มีอะไรกันบ้าง
แนะนำ 10 สาย LAN เน็ตแรง สัญญาณเสถียร 2024
1. Vention ICAB
Vention ICAB เป็นสายแลนที่มีการออกแบบที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ โดยหัวสายจะมีกรอบโลหะสีทองที่ตัดกับขาเสียบพลาสติกสีดำ พร้อมตัวสัมผัสที่ทำจากทอง และยางรองสลักสีโทนม่วง รองรับการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ค หรืออุปกรณ์เครือข่าย เช่น เราเตอร์ สวิตช์ และอุปกรณ์อื่น ๆ ซึ่งสายที่เป็นแบบสายแบนจะสามารถเดินสายได้ง่าย ไม่เกะกะ ช่วยลดโอกาสในการโดนกระแทกได้ และมาพร้อมกับมาตรฐาน CAT 7 ที่รองรับความเร็วสูงสุด 10 Gbps
2. Ugreen NW122
Ugreen NW122 เป็นสาย LAN มาตรฐานที่มาพร้อมจุดเด่นอย่างตัวสายที่มีขนาดเล็กเป็นพิเศษ 32 AWG และมาตรฐาน TIA / EIA พร้อมรองรับ Bandwidth ที่สูงถึง 500 MHz ตัวสายหุ้มด้วยวัสดุ PC ที่มีความเหนียว ไม่ฉีกขาดง่าย ส่วนหัว RJ45 จะชุบด้วยทองเพื่อป้องกันสัญญาณรบกวนและสนิม ทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน และรองรับความเร็ว Ethernet ได้สูงสุด 10 Gbps สามารถแชร์การเชื่อมต่อ LAN ไปยังอุปกรณ์อื่นด้วยความเร็วสูงสุด 1 Gbps
3. Jasoz Deluxe Network Cable
Jasoz Deluxe Network Cable เป็นสายตามมาตรฐานการออกแบบ CAT 6 ที่รองรับความเร็วสูงสุด 1,000 Mbps หรือ 1 Gbps พร้อม Bandwidth ที่กว้าง 250 MHz ผลิตจากทองแดงแบบ 4PR ช่วยลดสัญญาณรบกวนได้ดี เข้าสายแบบ UTP พร้อมหัวสายพลาสติก ซึ่งจะมีให้เลือกตั้งแต่ความยาว 50 เซนติเมตร จนถึง 20 เมตร
4. Glink G-06
Glink G-06 รองรับช่วงกว้างสัญญาณที่ 250 MHz โดยมีการผลิตจากวัสดุคุณภาพดี เรียกว่า Delrin 100p เป็น Polymer คุณภาพสูง แข็งแรงทนทาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ก่อสารพิษอันตราย รวมถึงใช้พลาสติกที่ไม่ติดไฟง่ายอย่าง ABS 85p ที่ทน ไม่ก่อพิษต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ สาย LAN รุ่นนี้ยังรองรับการใช้งานที่หลากหลายตามมาตรฐานต่าง ๆ เช่น IEEE 802.12 , Token Ring เป็นต้น
5. Brilliant Durable Series
Brilliant Durable Series ได้มีการปรับปรุงมาตรฐานการเชื่อมต่อ ร้อยสาย ลดสัญญาณรบกวน และการสูญเสียสัญญาณในกรณีที่สายมีความยาวมากขึ้น ทำให้การใช้งานอินเทอร์เน็ตและการถ่ายโอนข้อมูลมีคุณภาพ หัวสัญญาณจะใช้ร่องตัวนำสายที่ทำจากทองคำ พร้อมวัสดุหุ้มสายที่ทำจาก PVC อย่างดี ใช้งานสะดวก ถูกออกแบบด้วยยางหุ้มตัวล็อกหัวสาย ทำให้ทนทานและสะดวกมากขึ้น
6. Panduit 28AWG
Panduit 28AWG เป็นสาย LAN คุณภาพระดับ Data Center โดยได้รับการรับรองตามมาตรฐาน ANSI / TIA-568-D.2 Category 6 และ ISO 11801 ซึ่งรุ่น 28AWG นี้ เป็นสาย LAN CAT 6 ที่มาขนาดของสาย 28 AWG เล็กเป็นพิเศษ พร้อมหัวสายแบบ Tangle ที่มีความยืดหยุ่นสูง โค้งงอได้ดี และหักยากกว่าแบบปกติ รองรับความเร็ว Ethernet สูงสุด 10 Gbps และรองรับการใช้งาน PoE 60 วัตต์ ที่มีความยาวของสายให้เลือกตั้งแต่ 1 – 10 เมตร
7. Belkin A3L980
Belkin A3L980 เป็นสายแลนที่ได้มาตรฐานการเชื่อมต่อแบบ CAT 6 คุณภาพสูง รองรับการเชื่อมต่อระดับ 1 Gbps ตัวสายทำจากทองแดงหุ้มอย่างดี ตีเกลียว 4 คู่ ช่วยลดสัญญาณรบกวน พร้อมหัวของสาย LAN ที่มีความยืดหยุ่นสูง ใช้งานได้ยาวนาน
8. Rog Cat 7 Cable
Rog Cat 7 Cable มาพร้อมมาตรฐาน CAT 7 รองรับ Bandwidth 600 MHz และความเร็ว Ethernet สูงสุด 10 Gbps ตอบโจทย์ความเร็วอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ตัวสายยังมีความแข็งแรงและทนทานเป็นพิเศษ เนื่องจากหุ้มด้วยฟอยล์อะลูมิเนียม และเสริมด้วยสายถักอีกชั้น เพิ่มความเหนียว และทนต่อการฉีกขาด
9. Supra Cat 8 Ethernet cables
Supra Cat 8 Ethernet cables เป็นสาย LAN ระดับ CAT 8 ราคาสูง แต่คุณภาพสมราคา ไม่ว่าจะเป็นตัวสายแบบ Double Shielding หรือหุ้มหนา 2 ชั้น มากกว่าสายทั่วไปที่หุ้มเพียงชั้นเดียว ทำให้สายมีความหนา ทนต่อการฉีกขาด และป้องกันสัญญาณรบกวนจากภายนอกได้ดี อีกทั้งยังรองรับความเร็ว Ethernet สูงสุด 40 Gbps หรือ 40GBASE-T และรองรับ Bandwidth ที่ 2,000 MHz โดยจะมีความยาวให้ได้เลือกตั้งแต่ 0.5 – 3 เมตร นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติ Low Smoke Zero Halogen ที่ทำให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น
10. Link US-9106OUT
Link US-9106OUT เป็นสาย LAN ที่ถูกผลิตมาสำหรับใช้ภายนอกอาคารโดยเฉพาะ เพื่อเพิ่มความทนทานให้กับสาย โดยมาตรฐานของสายที่เป็น CAT 6 ซึ่งจะมีความยาวทั้งหมด 305 เมตร ผู้ใช้ต้องทำการเข้าหัว RJ45 ด้วยตัวเอง (เหมาะสำหรับผู้เชี่ยวชาญ) พร้อมความเร็ว Ethernet สูงสุด 10 Gbps ในระยะ 55 เมตร และ 1 Gbps ในระยะ 100 เมตร
สรุป
การเลือก สาย LAN ยี่ห้อไหนดี สำหรับเชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตภายในบ้าน อาคาร หรือสำนักงาน ควรพิจารณาให้เหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด และช่วยให้การทำงานราบรื่น ลดปัญหาเรื่องจุกจิก และเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในการทำงาน ที่สำคัญ การจัดการสถานที่ติดตั้งอุปกรณ์ให้เรียบร้อยและเป็นระเบียบจะช่วยป้องกันในเรื่องของปัญหาสายพันกันอีกด้วย
* เนื้อหาในบทความอาจมีผิดพลาดได้ โปรดตรวจสอบข้อมูลใหม่อีกครั้ง