บทความข่าวสารไอที

Card Reader คืออะไร ใช้งานอย่างไร

Card Reader คืออะไร ใช้งานอย่างไร

Card Reader เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างคอมพิวเตอร์ , แล็ปท็อป , แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน สามารถอ่านข้อมูลในการ์ดความจำได้ ไม่ว่าจะเป็น SD Card , Micro SD , CF Card หรือรวมไปถึง MS Card เพื่อใช้ถ่ายโอนข้อมูลระหว่างอุปกรณ์หนึ่งไปยังอุปกรณ์หนึ่งได้ ซึ่งปัจจุบันในท้องตลาดจะมี SD Card Reader วางจำหน่ายอยู่หลายรูปแบบให้ได้เลือกซื้อ

 

Card Reader คืออะไร ?

Card Reader คือ อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับอ่านข้อมูลจาก SD Card (Secure Digital) ซึ่งเป็นหนึ่งในรูปแบบของการจัดเก็บข้อมูลบนการ์ดหน่วยความจำที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในอุปกรณ์พกพาอย่างกล้องดิจิตอล , สมาร์ทโฟน , แท็บเล็ต และอุปกรณ์อื่น ๆ ซึ่งทำหน้าที่อ่านข้อมูลจาก SD Card และถ่ายโอนข้อมูลไปยังอุปกรณ์อื่นได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว โดยเชื่อมต่อ USB หรือ Thunderbolt ของคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งานด้วย

 

การใช้งานของ Card Reader

การใช้งานของ Card Reader จะเป็นการถ่ายโอนข้อมูลที่สะดวกและรวดเร็ว โดยเฉพาะงานที่ต้องการจัดเก็บข้อมูล หรือถ่ายโอนข้อมูลอย่างต่อเนื่องในปริมาณมาก เช่น การถ่ายโอนภาพถ่ายหรือวิดีโอจากกล้องดิจิตอล การเก็บข้อมูลจากสมาร์ทโฟน หรือโอนย้ายข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ เพื่อความสะดวกและประหยัดเวลา

 

ข้อดีของ Card Reader

  • โอนย้ายข้อมูลได้สะดวก
  • มีอายุการใช้งานยาวนาน
  • เป็นตัวเลือกเพิ่มเติมหลัก

เลือกซื้อ Card Reader ยังไงให้เหมาะสม

เนื่องจาก Card Reader เป็นอุปกรณ์ IT ที่มีหลายสิ่งต้องคำนึง เพื่อให้ตอบโจทย์ลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันไป เช่น ระบบปฏิบัติการที่รองรับ ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูล หรือความสะดวกในการใช้งาน เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจัยที่ควรพิจารณาจะมีอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกันได้เลย

 

1. เลือก Card Reader ที่สัมพันธ์กับประเภทของ SD Card

ประเภทของ SD Card ที่ใช้งานจะส่งผลโดยตรงต่อความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูล หากเลือกใช้ Card Reader ที่ไม่รองรับ SD Card ที่สเปคสูง อาจทำให้อ่านและโอนย้ายข้อมูลได้ แต่จะไม่สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ ดังนั้น ก่อนเลือกซื้อควรดูว่า SD Card มีรุ่นไหนบ้าง สเปคเป็นยังไง แล้วค่อยเลือก Card Reader ที่สัมพันธ์กับประเภทของ SD Card เพื่อให้สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

 

(หากซื้อ Card Reader ที่ไม่สัมพันธ์กับประเภทของ SD Card อาจทำให้การอ่าน-โอนย้ายข้อมูลได้ แต่จะไม่สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ)

 

2. เลือกอินเตอร์เฟซที่ตรงกับอุปกรณ์ที่ใช้งาน

พอร์ตของ Card Reader นั้นสำคัญมากในการใช้งาน หากเลือกพอร์ตไม่ตรงกับอุปกรณ์ที่มีอยู่ อาจต้องใช้อะแดปเตอร์มาแปลงเพื่อเชื่อมต่อ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาได้ เช่น ลดความเร็ว หรือไม่สามารถใช้งานได้ เนื่องจากจ่ายไฟจากอุปกรณ์ไปยัง Card Reader ไม่เพียงพอ ดังนั้น การตรวจสอบว่า Card Reader ใช้กับอุปกรณ์ไหนบ้างจะช่วยให้เลือกซื้อได้ตรงตามความต้องการ ซึ่ง Card Reader หลายรุ่นที่มาพร้อมพอร์ตหลายแบบจะเชื่อมต่อได้ทั้งแบบ USB-C และ USB 3.0

 

(หากเลือกพอร์ตไม่ตรงกับอุปกรณ์ที่มีอยู่ จะไม่สามารถใช้งานร่วมกันได้ อาจต้องใช้ Adapter เพิ่มเพื่อแปลงเพื่อเชื่อมต่อ)

 

3. หากเน้นใช้งานอ่านข้อมูลจำนวนมาก ควรใช้ USB 3.2 ขึ้นไป

ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลของ Card Reader สามารถวัดได้จากความเร็วในการอ่าน และความเร็วในการเขียนข้อมูล ซึ่งมักจะวัดเป็น Megabytes Per Second (MB/s) หรือ Gigabytes Per Second (GB/s) ยิ่งมากขึ้น ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลก็จะยิ่งสูงตามไปด้วย

 

    • USB 2.0
      สามารถส่งข้อมูลในความเร็วสูงสุด 480 Megabit/s และรองรับการแปลงเป็นหัวแบบ USB Type-A , Type-B , Mini B (พอร์ต USB สำหรับชาร์จมือถือ , MP3 พกพารุ่นก่อน) และ Micro B
    • USB 3.0
      สามารถส่งข้อมูลในความเร็วสูงสุด 5 Gigabit/s (1 Gigabit = 1,000 Megabit) และรองรับการแปลงเป็นหัวแบบ USB Type-A , Type-B และ Micro B (ใช้กับมือถือระบบ Android รุ่นหลัง ๆ และหัวที่เสียบกับ External Hardisk)
    • USB Lightning
      สามารถส่งข้อมูลในความเร็วสูงสุด 500 Megabit/s และรองรับการใช้งานแค่ Lightning สำหรับชาร์จ iPhone และอุปกรณ์อื่น ๆ ของ Apple เท่านั้น
    • USB 3.1
      สามารถส่งข้อมูลในความเร็วสูงสุด 10 Gigabit/s และรองรับการแปลงเป็นหัวแบบ USB Type-A , Type-B และ Type-C
    • USB 3.2
      สามารถส่งข้อมูลในความเร็วสูงสุด 20 Gigabit/s และรองรับการแปลงเป็นหัวแบบ Type-C เท่านั้น แถมยังรองรับการใช้เทคโนโลยี Power Delivery (PD) สำหรับสมาร์ทโฟนที่ใช้งาน Fast Charge อีกด้วย
    • USB 4
      สามารถส่งข้อมูลในความเร็วสูงสุด 40 Gigabit/s และรองรับการใช้งานแค่พอร์ต USB Type-C เท่านั้น (ทั้งสองหัวจะเป็นแบบ USB Type-C เท่านั้น)

 

(USB 3.2 ขึ้นไป จะให้ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูง ช่วยให้ถ่ายโอนข้อมูลหรืออัพโหลดวิดีโอขนาดใหญ่ได้อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว)

 

4. ตรวจสอบระบบปฏิบัติการที่ Card Reader รองรับ

ระบบปฏิบัติการ (Operating System : OS) เป็นระบบที่ทำหน้าที่จัดการซอฟต์แวร์และอุปกรณ์ส่วนต่าง ๆ ของคอมพิวเตอร์ เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยระบบปฏิบัติการบนคอมพิวเตอร์จะมีทั้ง Microsoft Windows , Linux , Ubuntu และ MacOS จาก Apple ส่วนระบบปฏิบัติการที่หลาย ๆ คนรู้จักและนิยมใช้ในสมาร์ทโฟนก็คือ Android และ iOS นั่นเอง

 

(หาก Card Reader ไม่รองรับระบบปฏิบัติการ จะไม่สามารถใช้งานได้ แนะนำให้ตรวจเช็คก่อนซื้อ)

 

สรุป

Card Reader อุปกรณ์ช่วยให้การถ่ายโอนข้อมูลจากการ์ดหน่วยความจำไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ ได้ง่ายและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูป ฟังเพลง หรือแม้แต่จัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ โดยเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB หรือ Thunderbolt ของคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งานร่วมด้วย ซึ่งปัจจุบันในท้องตลาดได้มีการวางจำหน่าย Card Reader หลากหลายรูปแบบให้ได้เลือกซื้อกันด้วย

 

* เนื้อหาในบทความอาจมีผิดพลาดได้ โปรดตรวจสอบข้อมูลใหม่อีกครั้ง