บทความข่าวสารไอที

กล้องวงจรปิดไม่บันทึก ดูภาพย้อนหลังไม่ได้ ทำอย่างไร

กล้องวงจรปิดไม่บันทึก ดูภาพย้อนหลังไม่ได้

ปัญหาที่พบได้บ่อย ๆ เวลาใช้งาน กล้องวงจรปิด คือ กล้องวงจรปิดไม่บันทึก ดูภาพย้อนหลังไม่ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่อาจสร้างความกังวลใจของผู้ใช้ได้ โดยเฉพาะหากเกิดเหตุการณ์สำคัญที่ต้องการดูภาพย้อนหลัง หากใครที่กำลังประสบพบเจอปัญหาเหล่านี้อยู่ ไม่ต้องตกใจไป ในบทความนี้เราจะพาไปดูถึงสาเหตุและการแก้ไขเบื้องต้นที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองง่าย ๆ กัน

 

สาเหตุที่กล้องวงจรปิดไม่บันทึก ดูภาพย้อนหลังไม่ได้

1. เมมโมรี่การ์ด (Memory Card)

เมมโมรี่การ์ด เป็นส่วนสำคัญที่มีผลโดยตรงต่อการทำงานของกล้อง หากเมมโมรี่การ์ดเสีย หรือใช้เมมโมรี่การ์ดไม่เหมาะกับกล้องวงจรปิด หรือใช้เมมโมรี่การ์ดปลอม อาจทำให้กล้องอ่านการ์ดไม่ได้ , บันทึกภาพไม่ได้ , ฟอร์แมตไม่ได้ หรือทำให้กล้องค้าง

 

วิธีแก้ : แนะนำให้เปลี่ยนเมมโมรี่การ์ดใหม่ ซึ่งเมมโมรี่การ์ดที่ดี ความจุจะอยู่ระหว่าง 32 GB – 512 GB ถือเป็นทางเลือกในการใช้งานที่เหมาะกับกล้องวงจรปิดมาตรฐาน (ของแท้เท่านั้น) หากดูไม่เป็น ให้สังเกตตามนี้

 

      • ฟอนต์เมมโมรี่การ์ด : ของปลอมฟอนต์จะดูไม่เรียบเนียน และตัวอักษรจะไม่เสมอกัน
      • สีเมมโมรี่การ์ด : หากเทียบกับของแท้ จะพบว่าเมมโมรี่การ์ดของปลอมจะมีสีเข้มกว่า
      • ตัวเลขความจุจริงเมมโมรี่การ์ด : หากใช้โปรแกรมตรวจสอบพื้นที่เก็บข้อมูลของเมมโมรี่การ์ดอย่าง USB , Flash Drive Tester หรือ FakeFlashTest แล้วพบว่าตัวเลขความจุจริงเมมโมรี่การ์ดไม่ตรงกับที่ระบุไว้ ถือว่าเป็นของปลอม
      • ราคาเมมโมรี่การ์ด : ของปลอมจะมีราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดเกือบเท่าตัว

 

2. ฮาร์ดดิสก์ (HDD)

หากฮาร์ดดิสก์เสีย อาจทำให้กล้องไม่สามารถบันทึกภาพได้ สาเหตุที่ทำให้เสียอาจเกิดจากอายุการใช้งานเป็นเวลานาน , การกระแทกจากการเคลื่อนย้ายกล้อง หรือไฟตกบ่อย สามารถสังเกตได้ง่าย ๆ เช่น มีเสียงแปลก ๆ ที่ไม่เคยได้ยิน , หน้าจอขึ้นเป็นสีดำ , เครื่องค้าง , มีข้อความแจ้งว่าการบันทึกมีปัญหา หรือไม่พบฮาร์ดดิสก์บนหน้าจอมอนิเตอร์ หากพบอาการเหล่านี้ แนะนำให้ฮาร์ดดิสก์ทันที

 

วิธีแก้ : สามารถถอดเปลี่ยนเองได้ เพียงแค่ถอดปลั๊ก ไขน็อต และถอดสาย SATA + สาย Power ของฮาร์ดดิสก์ออก จากนั้นนำฮาร์ดดิสก์ตัวใหม่มาเปลี่ยน แล้วเสียบสายเข้าที่เดิม แนะนำให้เลือกฮาร์ดดิสก์สีม่วง ซึ่งถูกออกแบบมาสำหรับกล้องวงจรปิดโดยเฉพาะ สามารถใช้งานได้ตลอด 24 ชม.

 

3. อะแดปเตอร์ (Adapter)

อะแดปเตอร์จะมีหน้าที่ในการจ่ายไฟให้กล้องวงจรปิดตลอดเวลา ทำให้เสี่ยงต่อการเสื่อมสภาพก่อนอายุการใช้ ปัญหาส่วนใหญ่จะมาจากคาปาซิเตอร์ (Capacitor) หรือตัวเก็บปะจุภายใน Adapter ทำให้ไฟฟ้ากระแสตรงไม่เรียบ

 

วิธีแก้ : ให้เปลี่ยน Adapter เป็นประจำทุก ๆ 2 ปี จะดีที่สุด ที่สำคัญควรให้ช่างมาเปลี่ยนให้จะดีกว่า เพราะหากเปลี่ยนเองทั้งที่ไม่มีความรู้เรื่องช่าง อาจทำให้ไฟฟ้าช็อตหรือลัดวงจรได้

 

4. สายสัญญาณภาพ

หากกล้องวงจรปิดใช้งานมาเป็นเวลานาน อาจทำให้สายสัญญาณภาพเสื่อมสภาพลง และเสี่ยงต่อสายชำรุด โดยเฉพาะกล้องวงจรปิดทรงกระบอก (Bullet Camera) ที่ต้องเดินสายนอกอาคาร ทำให้เสี่ยงต่อการโดนแสงแดดและฝน

 

วิธีแก้ : หากพบว่าสายสัญญาณภาพชำรุด แนะนำให้รีบเปลี่ยนทันที และอย่าลืมเช็คว่าสายสัญญาณภาพที่ใช้อยู่เป็นสายชนิดไหน โดยทั่วไปจะมีอยู่ 3 ประเภท ที่นิยมใช้กัน ซึ่งได้แก่ RG59 , RG6 และ RG11 หากใช้ผิดประเภทอาจมีผลต่อการใช้งานกล้องวงจรปิดได้

 

วิธีเช็คเบื้องต้น

  1. ใช้มิเตอร์วัดกระแสไฟว่าไฟทำงานปกติหรือไม่ จากนั้นใช้มอเตอร์วัดแอมป์ว่าปกติหรือไม่ หากพบความผิดปกติ ปัญหาอาจเกิดจาก Adapter
  2. ถอดฮาร์ดดิสก์เพื่อใส่คอมพิวเตอร์ก่อน จากนั้นฟอร์แมตฮาร์ดดิสก์ แล้วนำกลับมาใส่เครื่องบันทึก หากเครื่องยังไม่สามารถใช้งานได้ ปัญหาอาจเกิดจากฮาร์ดดิสก์
  3. เปลี่ยนสาย SATA (สายเชื่อมต่อฮาร์ดดิสก์) เป็นสายใหม่ แล้วดูว่าเจอฮาร์ดดิสก์หรือไม่ หากไม่พบ ปัญหาอาจเกิดจากสาย SATA
  4. เช็คการตั้งค่าของเครื่องบันทึกว่าเป็นเวลาปัจจุบันหรือไม่ หากเวลาผิดเพี้ยน ปัญหาอาจมาจากการตั้งค่าของเครื่องบันทึก
  5. กรณีที่ใช้กล้อง IP ให้เช็คเราท์เตอร์ (Router) ว่ามีสัญญาณอินเทอร์เน็ตหรือไม่ หากไม่มีสัญญาณ หรือไม่สามารถดูภาพผ่านมือถือได้ ปัญหาอาจเกิดจากเราท์เตอร์

 

สรุป

กล้องวงจรปิดไม่บันทึก ดูภาพย้อนหลังไม่ได้ เกิดได้จากหลายสาเหตุ หากใช้งานกล้องวงจรปิดในระยะยาว แนะนำให้ตรวจเช็คเป็นประจำอย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานกล้องวงจรปิด และเพื่อให้กล้องวงจรปิดนั้นทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

 

* เนื้อหาในบทความอาจมีผิดพลาดได้ โปรดตรวจสอบข้อมูลใหม่อีกครั้ง