บทความข่าวสารไอที

Flash Drive คืออะไร ควรเลือกใช้แบบไหน

Flash Drive คืออะไร ควรเลือกใช้แบบไหน

Flash Drive ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันนั้น ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นไฟล์งาน เอกสาร หนัง เพลง รูปภาพ หรือโปรแกรมต่าง ๆ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ไม่สามารถจับต้อง หรือเคลื่อนย้ายได้ด้วยมือเปล่า แต่ต้องจัดเก็บไว้ในอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลอย่าง แฟลชไดร์ฟ (Flash Drive) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะมีขนาดเล็ก ใช้งานง่าย และสามารถเก็บข้อมูลได้มาก

 

Flash Drive คืออะไร ?

Flash Drive เป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่ใช้สำหรับจัดเก็บข้อมูล แม้ในปัจจุบันจะมีการใช้งานที่น้อยลง เนื่องจากผู้ใช้งานส่วนใหญ่นิยมหันไปเก็บข้อมูลบน Cloud กันมากขึ้น แต่แนะนำว่าควรใช้งานควบคู่กันไปจะดีกว่า การเก็บข้อมูลบน Cloud สะดวกก็จริง แต่หากระบบหรือ Server ล่ม รวมถึงผู้ให้บริการปิดตัวลง ข้อมูลของเราจะหายและใช้งานไม่ได้ทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เป็นข้อมูลที่สำคัญหรือมีมูลค่า อาจสร้างความลำบากหรือเสียหายได้

 

การใช้ Flash Drive เพื่อสำรองข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ถือเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะหากเราไม่ได้เอา Flash Drive ไปใช้งานกับเครื่องที่ต่ออินเทอร์เน็ต ข้อมูลในนั้นจะปลอดภัยจากการถูกแฮ็กได้เป็นอย่างดี นับว่าเป็นอีกข้อดีของแฟรชไดร์ฟที่ Cloud Storage นั้นไม่สามารถทำได้

 

Flash Drive มีชื่อเรียกอะไรบ้าง

Flash Drive ต่างรู้จักกันในชื่อต่าง ๆ โดยขึ้นอยู่กับผู้ผลิต ซึ่งปัจจุบันชื่อสากลจะเรียกว่า แฟลชไดรฟ์ และมีชื่อเรียกอื่น ๆ อีก ดังนี้

 

      • Key Drive
      • Jump Drive
      • Data Key
      • Data Stick
      • Travel Drive
      • Thumb Drive
      • Thumb Key
      • Pen Drive
      • Finger Drive
      • Flash Drive
      • Flash Disk
      • Memory Drive
      • USB Drive
      • USB Key
      • Handy Drive

เลือกใช้งาน Flash Drive อย่างไรให้เหมาะสม

ก่อนจะทำการซื้อ Flash Drive แนะนำให้พิจารณาจากปัจจัยต่อไปนี้ร่วมด้วย

 

1. เลือกความจุของ Flash Drive ขั้นต่ำ 64 GB และ 25 GB

Flash Drive โดยทั่วไปจะเริ่มต้นความจุที่ 32 GB และรุ่นที่มีความจุที่ใหญ่สุดซึ่งหาซื้อได้ง่ายจะอยู่ที่ 256 GB ซึ่งสำหรับการเลือกซื้อนั้น ควรพิจารณาจากจุดประสงค์ในการใช้งานเป็นหลัก หากใช้เก็บเพียงหนังหรือเพลง ความจุประมาณ 32 – 64 GB ก็น่าจะเพียงพอ แต่หากต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลมากกว่านั้น ควรเลือกรุ่นที่มีความจุอย่างน้อย 64 GB ขึ้นไป

 

คำแนะนำ : ควรเลือกความจุเผื่อไว้เล็กน้อย ในกรณีฉุกเฉินที่ต้องพื้นที่มากขึ้น เช่น ในระดับปกติอาจใช้พื้นที่ราว ๆ 30 – 40 GB แต่อาจต้องใช้เพิ่ม 20 GB รวมเป็น 60 GB ซึ่งแน่นอนว่า การใช้งานกับขนาด 64 GB อาจไม่เพียงพอ เนื่องจากความจุจริงจะได้ขนาดที่ไม่ถึง เพราะหลักการคำนวณทางคอมพิวเตอร์จะไม่ตรงกับวิธีการคำนวณหน่วยอื่น ๆ ที่เราคุ้นเคยกัน

 

2. เลือก Flash Drive จากความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลขั้นต่ำ 60 MBps และ 100 Mbps

ความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลในปัจจุบันค่อนข้างสำคัญมาก เนื่องจากความเร็วที่เพิ่มขึ้น ช่วยให้การถ่ายโอนข้อมูลรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อก่อน แฟลชไดร์ฟจะทำความเร็วอยู่ที่ราว ๆ 2 – 10 Mbps แต่ด้วยมาตรฐาน USB 3.0 ขึ้นไป ทำให้ระดับความเร็วพัฒนาขึ้นมาอยู่ที่ 60 MBps เป็นอย่างต่ำ และในหลาย ๆ รุ่นสามารถทำตัวเลขได้สูงเกิน 100 MBps

 

Flash Drive ที่มีระดับความเร็วที่สูงขึ้น จะช่วยให้การโอนถ่ายข้อมูลขนาดหลาย GB เสร็จได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที ซึ่งเวลาที่เลือกซื้อควรดูตัวเลขที่ระบุไว้ให้ชัดเจน และหากแฟลชไดร์ฟมีความจุขนาดใหญ่ ควรเลือกความเร็วที่สูงขึ้นไปด้วย เพื่อให้การโอนถ่ายข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็ว

 

3. เลือก Flash Drive ที่ทำจากวัสดุโลหะ

เป็นเรื่องที่คนมักมองข้ามมากที่สุด ในปัจจุบัน แม้ว่าการผลิตด้วยพลาสติกจะถูกพัฒนาไปมาก ทำให้มีสีสันที่สวยงาม และทนทานมากขึ้น ดังนั้น แนะนำให้เลือกแฟลชไดร์ฟที่ผลิตจากโลหะเพื่อการใช้งานในระยะยาว อีกทั้งยังช่วยป้องกันการแตกหักหรือความเสียหายจากแรงกระแทกในกรณีที่ทำตกพื้นได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

 

4. เลือกพอร์ตเชื่อมต่อของ Flash Drive ให้เหมาะกับการใช้งาน

พอร์ตการเชื่อมต่อเป็นอีกสิ่งที่หลาย ๆ คนยังไม่เข้าใจถึงความแตกต่าง เนื่องจากส่วนใหญ่แล้ว แฟลชไดร์ฟในท้องตลาดจะแบ่งพอร์ตการเชื่อมต่อออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ซึ่งก็คือ USB 2.0 และ USB 3.0 ซึ่งแต่ละประเภทจะส่งผลต่อความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลด้วย

 

ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในสมัยนี้ อุปกรณ์หลายชนิดก็เน้นไปที่การเชื่อมต่อแบบ USB Type-C ที่มีศักยภาพมากขึ้น ทั้งในด้านของขีดจำกัดในการถ่ายโอนข้อมูลที่รวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถจ่ายไฟหรือรับกระแสไฟที่สูงกว่าประเภท USB Type-A อีกด้วย ดังนั้น ควรเลือกประเภทของพอร์ตให้เหมาะสมและตรงกับการใช้งานของเรา

 

ประโยชน์ของ Flash Drive

  • ใช้เป็นที่เก็บและสำรองข้อมูล
  • ใช้โอนย้ายข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
  • มีขนาดเล็ก พกพาสะดวก และใช้งานง่าย

สรุป

Flash Drive เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากในการบันทึกข้อมูล และได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานทุกเพศทุกวัย โดยส่วนใหญ่มักเลือกแฟลชไดร์ฟที่มีความจุสูง แต่นอกเหนือจากขนาดความจุแล้ว แนะนำว่าควรคำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ ประกอบการเลือกใช้งานด้วยเช่นกัน

 

* เนื้อหาในบทความอาจมีผิดพลาดได้ โปรดตรวจสอบข้อมูลใหม่อีกครั้ง