ในยุคที่การใช้ Wi-Fi เป็นเรื่องปกติจนหลายคนอาจลืมไปว่า สาย LAN หรือ สาย Ethernet เคยเป็นตัวเลือกหลัก ๆ ในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตยุคแรก ๆ แล้วรู้หรือไม่ว่า สายแลนนั้นยังสำคัญและเป็นตัวเลือกที่ดี แม้ว่าบางคนจะเลือกใช้งานแบบไร้สายอย่าง Wi-Fi แต่ความเสถียรและประสิทธิภาพของสัญญาณอินเทอร์เน็ตก็อาจไม่เทียบเท่ากับการเชื่อมต่อโดยสาย LAN นั่นเอง
สาย LAN คืออะไร ?
สาย LAN (Local Area Network) คือ สายนำสัญญาณที่ใช้เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์เครือข่ายต่าง ๆ อย่าง Switch หรือ Hub รวมถึงใช่ต่อกับโมเด็มเราเตอร์เพื่อเชื่อมต่อกับสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้อีกด้วย การส่งข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์กับคอมพิวเตอร์โดยตรง ก็สามารถใช้สายแลนเชื่อมต่อได้เช่นกัน สายแลนจะมีประโยชน์คือ ช่วยสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ในเครือข่าย แบ่งปันไฟล์และข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ และเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตผ่านเราเตอร์
ประเภทของ สาย LAN มีอะไรบ้าง
สาย LAN สามารถแบ่งออกได้หลายประเภท ซึ่งก็ขึ้นกับลักษณะของสายแลน จะแบ่งตามการใช้งานภายในและภายนอกอาคาร โดยสายภายนอกอาคารจะมีปลอกหุ้มที่แข็งและหนากว่าสายภายใน เพื่อให้ทนต่อสภาพอากาศภายนอก โดยจะแบ่งตามลักษณะการหุ้มฉนวน มีตั้งแต่ฉนวนอย่างเดียวไม่มีฟอยล์ แบบมีฟอยล์นอก และมีฟอยล์หุ้มทั้งหมด สามารถแบ่งตามคุณภาพความถี่ที่รองรับได้ ดังนี้
-
- CAT5 เป็นสายแลนที่มีความเร็วสูงสุด 100 Mbps (สายชนิดนี้จะไม่นิยมใช้งานเท่าไหร่ เนื่องจากความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลต่ำ)
- CAT5e เป็นสายแลนที่มีความเร็วสูงสุด 1 Gbps Bandwidth 100 MHz
- CAT6 เป็นสายแลนที่มีความเร็วสูงสุด 10 Gbps Bandwidth 250 MHz
- CAT6a เป็นสายแลนที่มีความเร็วสูงสุด 10 Gbps Bandwidth 500 MHz
- CAT7 เป็นสายแลนที่มีความเร็วสูงสุด 10 Gbps Bandwidth 600 MHz
- CAT8 เป็นสายแลนที่มีความเร็วสูงสุด 25 Gbps Bandwidth 2000 MHz
ข้อดีของการใช้ สาย LAN
ข้อดีของการใช้ สาย LAN คือ มีความเสถียรที่สูงกว่า เพราะมีสัญญาณรบกวนต่ำ แถมมีความเร็วในการส่งข้อมูลสูง และมีระบบรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ แต่ก็ยังมีข้อเสียตรงที่ สายแลนจะใช้งานได้ในระยะที่จำกัด สามารถเดินทางได้ที่ประมาณ 80 – 120 เมตร และการติดตั้งที่ยุ่งยาก เพราะต้องเจาะพื้นผิวเพื่อความสวยงาม
วิธีการเลือก สาย LAN
การเลือก สาย LAN ควรเลือกที่วัสดุดี มีคุณภาพ และได้มาตรฐาน ที่สำคัญ ต้องคำนึงถึงคุณสมบัติสำหรับนำไปใช้งานที่เหมาะสมอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความเร็ว หรือ Bandwidth ระยะทางของจุดเชื่อมต่อที่ต้องการเชื่อมต่อ PC หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้การใช้งานอินเทอร์เน็ตมีประสิทธิภาพ
1. เลือก สาย LAN Cat 6 (สำหรับใช้ภายในบ้าน) และ สาย LAN Cat 6a (สำหรับเล่นเกมออนไลน์)
-
- สาย LAN Cat 6 (สำหรับใช้ภายในบ้าน)
สำหรับใช้งานภายในบ้าน แนะนำ สาย LAN Cat 6 เนื่องจาก Bandwidth ของสายแลน Cat 6 จะมีค่าเท่ากับ 250 MHz สามารถรองรับการส่งข้อมูลที่ความเร็วสูง 10,000 Mbps หรือ 10 Gigabit Per Second เหมาะสำหรับใช้งานทั่วไปในบ้าน เช่น สตรีมวิดีโอ HD , เล่นเกม หรือแบ่งปันข้อมูลในเครือข่าย แถมยังมีราคาที่สมเหตุสมผลอกีด้วย ระยะทางที่เหมาะสำหรับใช้งานคือ 55 เมตร - สาย LAN Cat 6a (สำหรับเล่นเกมออนไลน์)
สำหรับผู้ที่เล่นเกมออนไลน์เป็นประจำ แนะนำ สาย LAN Cat 6a เนื่องจาก Bandwidth ของสายแลน Cat 6a จะมีค่าเท่ากับ 500 MHz สามารถรองรับการส่งข้อมูลที่ความเร็วสูง 10,000 Mbps หรือ 10 Gigabit Per Second เหมาะสำหรับผู้ที่เล่นเกมออนไลน์เป็นประจำ เนื่องจากสามารถรองรับการส่งข้อมูลที่ความเร็วสูง และมีประสิทธิภาพมากพอสมควร ระยะทางที่เหมาะสมในการใช้งานคือ 55 เมตร
- สาย LAN Cat 6 (สำหรับใช้ภายในบ้าน)
2. เลือก สาย LAN Cat 6a / Cat 7 หรือ Cat 8 ให้เหมาะสมกับขนาดองค์กร (สำหรับห้างร้าน / บริษัท)
-
- เลือก สาย LAN Cat 6a หรือ Cat 7 สำหรับใช้ในองค์กรขนาดกลางถึงขนาดใหญ่
สำหรับการใช้ในองค์กรขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ แนะนำ สาย LAN Cat 6a หรือ Cat 7 เนื่องจาก Bandwidth ของสายแลน Cat 6a มีค่าเท่ากับ 500 MHz ส่วน Cat 7 มีค่าเท่ากับ 600MHz ด้วยความเร็วในการส่งข้อมูลสูงสุดเท่ากันที่ 10,000 Mbps ทำให้สาย LAN Cat 6a และ Cat 7 สามารถรองรับการส่งข้อมูลที่ความเร็วสูง 10 Gigabit Per Second เหมาะสำหรับใช้ในองค์กรที่ต้องการความเร็วและประสิทธิภาพสูง ระยะทางที่เหมาะสมในการใช้งานคือ 55 เมตร เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด - เลือก สาย LAN Cat 8 สำหรับใช้กับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่รองรับความเร็วสูงมาก
สำหรับการใช้กับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่รองรับความเร็วสูงมาก แนะนำ สาย LAN Cat 8 เนื่องจาก Bandwidth ของสายแลน Cat 8 มีค่าเท่ากับ 2,000 MHz (หรือ 2 GHz) ความเร็วในการส่งข้อมูลสูงสุด 25,000 Mbps หรือ 40,000 Mbps ในรูปแบบคู่สาย (Full-Duplex) ทำให้สายแลน Cat 8 สามารถรองรับการส่งข้อมูลที่ความเร็วสูงถึง 25 หรือ 40 Gigabit Per Second เหมาะสำหรับใช้งานที่ต้องการความเร็วและประสิทธิภาพสูง ระยะทางที่เหมาะในการใช้งานคือ 30 เมตร - เลือกวัสดุ สาย LAN ให้เหมาะกับการติดตั้งภายในอาคารและภายนอกอาคาร
สำหรับการติดตั้งภายในอาคาร สาย LAN ที่เหมาะสมมักใช้วัสดุที่เป็น PVC (Polyvinyl Chloride) หรือ Plenum-rated PVC วัสดุนี้จะมีความยืดหยุ่นดี ทนทานต่อการดึง-ดัน และมีราคาที่เหมาะสม ทนต่อการไหม้ และเพิ่มความปลอดภัยในกรณีที่เกิดเหตุไฟไหม้อีกด้วย
- เลือก สาย LAN Cat 6a หรือ Cat 7 สำหรับใช้ในองค์กรขนาดกลางถึงขนาดใหญ่
3. เลือกรูปร่างของ สาย LAN ให้เหมาะแก่การใช้งาน
สาย LAN ที่ขายตามท้องตลาด สามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ดังนี้
-
- สาย LAN แบบกลม (Round) : มีการดึง-ดันที่ดี มีความยืดหยุ่นในการติดตั้ง และมีประสิทธิภาพในการลดการสะสมของสัญญาณรบกวน มักใช้ทั้งภายในอาคารและภายนอกอาคาร
- สาย LAN แบบ Slim : มีความบางเบา เหมาะสำหรับติดตั้งในที่ที่มีพื้นที่จำกัด
- สาย LAN แบบแบน (Flat) : มีความบาง และมีน้ำหนักเบา เหมาะสำหรับติดตั้งในที่ที่มีการเคลื่อนไหวบ่อย เช่น ฝ้าเพดานที่สูง-ต่ำไม่เท่ากัน
- สาย LAN แบบม้วนเก็บได้ (Coiled) : สามารถยืดหยุ่นในที่ที่มีการเคลื่อนไหวบ่อย และสามารถเก็บได้ง่าย เรื่องความเสถียรจะขึ้นอยู่กับการติดตั้งและการใช้งาน สายแบบนี้จะมีประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในการลดการสะสมของสัญญาณรบกวน
4. ตรวจสอบโครงสร้าง สาย LAN
โครงสร้าง สาย LAN ประเภทสายคู่บิดเกลียวชนิดหุ้มฉนวน (Shielded Twisted Pair : STP) เหมาะสำหรับใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีการรบกวนมาก เช่น ในสถานที่ที่มีการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าหลายอย่าง หรืออยู่ใกล้รัศมีไฟฟ้า หรือในสภาพแวดล้อมที่มีสัญญาณรบกวนอื่น ๆ จากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การใช้งานที่มีความละเอียดสูงหรือความเร็วสูง เช่น ในการสตรีมวิดีโอ 4K หรือ 8K ก็อาจใช้ STP ได้เช่นกัน
โครงสร้างสาย LAN ประเภทสายคู่บิดเกลียวชนิดไม่หุ้มฉนวน (Unshielded Twisted Pair : UTP) เหมาะสำหรับใช้งานทั่วไปในสภาพแวดล้อมที่มีระดับรบกวนต่ำ เช่น ใช้งานที่บ้านหรือในสำนักงานทั่วไป สาย UTP จะเนิยมมากสุดสำหรับใช้งานทั่วไป เนื่องจากราคาถูกและมีประสิทธิภาพสูงในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีการรบกวนมาก มักใช้กับเทคโนโลยีเครือข่ายทั่วไป เช่น Ethernet 10 / 100 / 1000 Mbps หรือการเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่ไม่ต้องการการป้องกันต่อการรบกวนจากภายนอก
5. เลือกความยาวของ สาย LAN ให้เหมาะสมกับสถานที่ติดตั้ง
การนำ สาย LAN ไปใช้งานให้เหมาะสม และเกิดประโยชน์และคุ้มค่ามากที่สุด ควรคำนึงถึงระยะที่จุดติดตั้งตัวปล่อยสัญญาณ และปลายทางที่รับสัญญาณว่ามีระยะทางเท่าไหร่ เมื่อเพิ่มระยะทาง ประสิทธิภาพของสายแลนอาจลดลง และอาจสูญเสียสัญญาณ ทำให้เกิดปัญหาในการถ่ายโอนข้อมูล ทำให้กระทบกับความเร็ว
สรุป
สาย LAN เป็นสายเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เพื่อส่งข้อมูลภายในบ้าน อาคาร หรือสำนักงานที่จำเป็น การเลือกซื้อสายแลนควรเลือกซื้อตามการใช้งานให้เหมาะสม เพื่อให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด และช่วยให้การทำงานนั้นราบรื่น ลดปัญหาเรื่องจุกจิก และเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในการทำงานอย่างเป็นระบบ
* เนื้อหาในบทความอาจมีผิดพลาดได้ โปรดตรวจสอบข้อมูลใหม่อีกครั้ง