ไม่ว่าจะเป็นช่วงแรกของการใช้งานอินเตอร์เน็ตจนถึงปัจจุบัน การเชื่อมต่อผ่านระบบ สายแลน มีกี่แบบ ก็ยังคงให้ความเสถียรที่มากกว่าการเชื่อมต่อในรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ ทำให้ในตอนนี้สายแลนมีให้เลือกด้วยกันหลายรุ่นหลายแบบ ก็จะแตกต่างกันไปตามความเร็วในการส่งสัญญาณ และความยาวสูงสุดที่ทำได้
วันนี้เราจะพาไปดูกันว่า สายแลนนั้นมีกี่แบบ และควรเลือกใช้แบบไหนดี หากใครที่กำลังมองหาสายแลน หรือกำลังจะเดินสายแลนใหม่ แนะนำให้ศึกษาหาข้อมูลก่อน เพื่อที่จะได้เลือกซื้อสายแลนให้ตรงสเป็ค และความต้องการในการใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ประเภทของสายแลน
ประเภทของสายแลน โดยทั่วไปแล้ว หลาย ๆ คนอาจรู้จักสายแลนที่ถูกติดตั้งมาให้ตามออฟิศหรือตามบ้าน แต่รู้หรือไม่ว่า สายแลนมีตัวเลือกที่เยอะกว่านั้น โดยจะแบ่งตามการใช้งาน ความเร็ว และการกั้นสัญญาณรบกวน ซึ่งจะมีแบบไหนบ้างนั้นมาดูกันเลย
1. สายแลนสำหรับติดตั้งภายในอาคาร (Indoor Cable)
เป็นสายสัญญาณที่ออกแบบมาไว้สำหรับติดตั้งภายในอาคาร จะมีความยืดหยุ่นสูง และป้องกันการลามของไฟได้ดี โดยเปลือกนอกจะนิยมทำจากวัสดุ PVC ที่ใส่สารพิเศษเข้าไป เพื่อให้แบ่งชนิดของสายภายในอาคารที่ใช้กันอย่างแพร่หลายรวม 4 ชนิด ดังนี้
-
-
-
Communication Metallic (CM)
-
-
เป็นสายที่สามารถป้องกันการลามไฟในแนวราบ เหมาะสำหรับติดตั้งแบบเดินสายแนวนอนภายในชั้นเดียวกัน
-
-
-
Communication Metallic Riser (CMR)
-
-
เป็นสายที่สามารถป้องกันการลามไฟทั้งแนวดิ่งและแนวราบ มักใช้ในการเดินสายสัญญาณระหว่างชั้นในอาคาร โดยผ่านช่องเดินสายของตัวอาคาร
-
-
-
Communication Metallic Plenum (CMP)
-
-
เป็นสายที่เหมาะสำหรับเดินสายบนฝ้าเพดาน หรือบริเวณช่องว่างเหนือฝ้าที่มีอากาศ และจะไม่สามารถป้องกันการลามไฟในแนวดิ่งได้
-
-
-
Low Smoke Zero Halogen (LSZH)
-
-
เป็นสายสัญญาณที่มีคุณสมบัติเพิ่มขึ้นมาจาก CMR หากเกิดไฟลามที่สายชนิดนี้ จะทำให้ควันที่เกิดจากไฟน้อย ทำให้ป้องกันไม่ให้เกิดสารพิษไฟลามได้ทั้งแนวราบและแนวดิ่ง
2. สายแลนสำหรับติดตั้งภายนอกอาคาร (Outdoor Cable)
เป็นสายสัญญาณที่ออกแบบมาไว้สำหรับติดตั้งภายนอกอาคาร หลัก ๆ จะโดนแดด ลม ฝน วัสดุที่ใช้หุ้มจึงเป็นแบบ PE (Polyethylene) มีความทนและแข็งแรง แต่จะไม่สามารถป้องกันไฟได้เท่าแบบภายนอกอาคาร
สายแลนที่แบ่งตามลักษณะป้องกันสัญญาณรบกวน
1. สายแลนแบบไม่มีฉนวนป้องกันสัญญาณรบกวน Unshield Twisted Pair (UTP)
เป็นสายแลนแบบทองแดงคู่ บิดตีเกลียวแบบไม่มีชิลด์ป้องกันสัญญาณรบกวน โดยจะมีตัวนำสัญญาณ 8 เส้น ทำจากทองแดงแท้ นิยมใช้กับงานระบบคอมพิวเตอร์ทั่วไปที่ใช้กันในออฟฟิศ
2. สายแลนแบบมีฉนวนป้องกันสัญญาณรบกวน Foil Twisted Pair (UTP)
เป็นสายทองแดงคู่ บิดตีเกลียวแบบมีชิลด์ป้องกันสัญญาณรบกวน นิยมใช้กับงานในพื้นที่ที่มีสัญญาณรบกวนสูงอย่างโรงงานอุตสาหกรรม หรือบริเวณที่มีการติดตั้งเครื่องจักรขนาดใหญ่ มีไฟฟ้าแรงสูง ซึ่งจะมีผลรบกวนสัญญาณที่ส่งผ่านสายแลน การมีชิลด์ป้องกันจะช่วยให้ส่งสัญญาณเสถียรมากขึ้น
สายแลนที่แบ่งตาม Bandwidth ที่รองรับสัญญาณได้
1. สายแลน Category 5E (CAT 5E)
เป็นสายแลนทองแดงความเร็วต่ำ ถูกพัฒนามาจาก CAT 5 เพื่อรองรับ Bandwidth ที่ 100 – 200 MHz สูงสุด 1 Gbps ในระยะไม่เกิน 100 เมตร
2. สายแลน Category 6A (CAT 6A)
เป็นสายแลนทองแดงความเร็วสูง ถูกพัฒนามาจากรุ่นเดิมอย่าง CAT 6 เพื่อรองรับ Bandwidth ที่ 500 MHz สูงสุด 10 Gbps ในระยะไม่เกิน 100 เมตร
3. สายแลน Category 6 (CAT 6)
เป็นสายแลนทองแดงความเร็วสูงขึ้น ถูกผลิตขึ้นตามมาตรฐาน Gigabit Ethernet เพื่อรองรับ Bandwidth ที่ 250 MHz สูงสุด 10 Gbps ในระยะไม่เกิน 55 เมตร
4. สายแลนCategory 7 (CAT 7)
เป็นสายแลนทองแดงความเร็วต่ำ รองรับ Bandwidth ที่ 600 MHz สูงสุด 10 Gbps ในระยะไม่เกิน 100 เมตร
5. สายแลน Category 8 (CAT 8)
เป็นสายแลนทองแดงความเร็วสูงขึ้นมาอีก รองรับ Bandwidth ที่ 2 GHz สูงสุด 25/40 Gbps ในระยะไม่เกิน 30 เมตร
สรุป
หวังว่าหลาย ๆ คนคงจะพอเข้าใจกันบ้างแล้วว่า สายแลน มีกี่แบบ แล้วแต่ละแบบนั้นส่งความเร็ว Bandwidth และมีความยาวสายสูงสุดที่เท่าไหร่ เพราะจะได้เลือกนำไปใช้ได้เหมาะกับสถานที่ที่จะนำไปติดตั้ง และหากติดตั้งไม่ถูก ความเร็วสูงสุดที่ทำได้อาจไม่สอดคล้องกับความเร็วของอินเตอร์เน็ตที่คุณติดตั้งไว้ และหากใครที่กำลังมองหาสายแลนอยู่ ที่ Vnix ของเรามีสินค้าคุณภาพให้ได้เลือกสรรมากมาย บอกเลยว่ารับประกันหลังการขายหายห่วง
* เนื้อหาในบทความอาจมีผิดพลาดได้ โปรดตรวจสอบข้อมูลใหม่อีกครั้ง