กล้องอินฟาเรด เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดหนึ่ง มีความยาวของคลื่นอยู่ระหว่างคลื่นวิทยุและแสงขาว (Visible Light) โดยจะมีความถี่ในช่วง 1011 – 1014 เฮิร์ตซ์ ซึ่งเป็นความถี่เดียวกับไมโครเวฟ จะมีความยาวคลื่นระหว่างแสงสีแดงกับคลื่นวิทยุ รังสีนี้จะอยู่ในช่วงความถี่ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ทำให้ไม่รบกวน และ กล้อง สามารถจับภาพที่มีความถี่ของคลื่นดังกล่าวได้ ทำให้ภาพมี Noise ลดลง และผลลัพธ์ที่ได้คือความคมชัดที่มากขึ้น
เทคโนโลยีกล้องอินฟาเรด มีแบบไหนบ้าง
ปัจจุบัน กล้องวงจรปิดได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 เทคโนโลยี ดังนี้
1. กล้องวงจรปิดอินฟาเรดแบบธรรมดา (IR Camera)
หลาย ๆ คนคงจะคุ้นเคยกับกล้องอินฟาเรดประเภทนี้ เพราะเป็นเทคโนโลยีที่มีการใช้งานมานานกว่า 10 ปี และมีข้อดีคือมองเห็นในที่มืดหรือบริเวณที่ไม่มีแสงได้ โดยตัวกล้องจะยิงลำแสงอินฟาเรดออกมา เพื่อช่วยให้เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งภาพที่ได้จะเป็นแบบขาวดำ (Black and White) แต่ก็จะมีปัญหาด้วยกันดังนี้
-
-
- กล้องร้อน ทำให้ตัวกล้องเสียเร็วขึ้น
- ภาพที่ได้ ส่วนที่เป็นสีดำจะไม่ดำสนิท ทำให้ภาพที่ได้ฟุ้ง Contrast ไม่ดี ภาพไม่สวยคมชัด
- จะส่งคลื่นออกมาเป็นค่าที่ตายตัว เวลาวัตถุหรือหน้าคนเข้ามาใกล้ ๆ กล้อง ภาพที่ได้จะขาวจนฟุ้ง และมองไม่เห็นรายละเอียดของภาพ
-
2. กล้องวงจรปิดอินฟาเรดแบบภาพสีตอนกลางคืน (Star Light / Ultra Low Light)
เป็นกล้องอินฟาเรดระบบใหม่ สามารถถ่ายภาพสีได้ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน โดยในช่วงกลางคืนจะมีแสงสว่างเล็กน้อย แต่จะไม่ถึงกับมืดสนิท เนื่องจากมีค่ารูรับแสงต่ำเพียง 0.001 LUX ทำให้กล้องสามารถบันทึกภาพสีที่ใกล้เคียงกับการมองเห็นของเราในเวลากลางคืนได้ จึงเหมาะสำหรับติดตั้งภายนอกในสภาพแสงของหมู่บ้านทั่วไป สามารถแสดงภาพสีได้ตลอดเวลา และจะใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าระบบ LED ดังนี้
-
-
- Contrast ดี ภาพคมชัด
- สามารถปรับเพิ่มลดแสงได้ ทำให้ภาพที่ได้ไม่ Over หรือ Under เลยดูฟุ้งกระจายหรือมืดจนเกินไป
- ภาพที่ได้ไม่สว่างเป็นวงเมื่อใช้งานในเวลากลางคืน
- เนื่องจากใช้หลอดเดี่ยว ทำให้ออกแบบให้กล้องมีขนาดเล็กลงกว่าเดิมได้
- ลำแสงไกลกว่าเดิม
-
และด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาไปไกล กล้องอินฟาเรดระบบนี้ก็อาจมีราคาที่สูงขึ้น แต่ด้วยประสิทธิภาพแล้ว ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุนอย่างแน่นอน
3. กล้องวงจรปิดแบบ LED ภาพสีตลอด 24 ชั่วโมง (Full Color)
เป็นเทคโนโลยีล่าสุดที่พัฒนามาจากเทคโนโลยีกล้องวงจรปิดแบบ Star Light โดยออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ที่ไม่มีแสง แต่ยังคงสามารถให้ภาพสีได้ตลอด 24 ชั่วโมง กล้องวงจรปิดแบบ Full Color จะมาพร้อมกับไฟ LED คุณภาพสูงที่ติดตั้งในตัวกล้อง เมื่ออยู่ในพื้นที่ที่มีแสงน้อย หรือไม่มีแสงเลย หลอดไฟในกล้องจะทำงานทันที เพื่อชดเชยแสงที่ขาดหายไป ทำให้กล้องสามารถแสดงภาพสีได้ทุกสถานการณ์ โดยไม่ต้องคำนึงว่าพื้นที่ตรงนั้นจะมีแสงหรือไม่
สรุป
กล้องอินฟาเรด ทั้ง 3 แบบนี้ หากใครที่กำลังลังเลว่าจะติดตั้งกล้องวงจรปิดอินฟาเรดแบบไหนดี แนะนำแบบ Full Color เลย เพราะดีกว่า และเป็นกล้องวงจรปิดกลางคืนที่ถูกพัฒนามาเพื่อให้บันทึกภาพได้อย่างชัดเจนแม้ในที่แสงน้อย การเลือกซื้อกล้องวงจรระบบนี้ราคาจะค่อนข้างสูง แต่เพื่อให้ได้ภาพที่ชัดและมีประสิทธิภาพ ก็ถือว่าคุ้มค่าเลยทีเดียว
* เนื้อหาในบทความอาจมีผิดพลาดได้ โปรดตรวจสอบข้อมูลใหม่อีกครั้ง