ในยุคปัจจุบัน การใช้งานอินเทอร์เน็ตกลายเป็นเรื่องสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้อุปกรณ์อย่าง Access Point ได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากมีหน้าที่ช่วยขยายสัญญาณให้ครอบคลุมพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลจาก Router ช่วยให้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเป็นไปอย่างราบรื่น โดยเฉพาะในกรณีของผู้ที่มีหอพักหรืออาคารหลายชั้น และต้องการจุดกระจายสัญญาณเพื่อให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ซึ่งในบทความนี้เราจะมาแนะนำ Access Point ที่อาจเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตของหลาย ๆ คนให้ได้พิจารณาเลือกซื้อได้อย่างเหมาะสม
แนะนำ 10 Access Point กระจายเน็ตไว ไม่มีสะดุด
1. TP-Link N300 TL-WA801N
N300 TL-WA801N เรียกได้ว่าค่อนข้างได้รับความนิยมสูงเลยก็ว่าได้ เนื่องจากรองรับความเร็วในการส่งสัญญาณได้ถึง 300 Mbps ถือว่าเร็วและแรงมากหากเทียบกับราคาที่จับต้องได้ สามารถใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไป หรือสำหรับเล่นเกมก็ไม่ทำให้ผิดหวัง นอกจากนี้ยังรองรับการทำงานในโหมดต่าง ๆ เช่น Access Point , Multi-SSID , Client , Universal / WDS Repeater และ Bridge with AP โดยเฉพาะในโหมด AP ที่เพียงแค่เชื่อมต่อสายแลนก็พร้อมใช้งานได้ทันที
อุปกรณ์รุ่นนี้รองรับการจ่ายไฟผ่าน POE ที่เหมาะสำหรับติดตั้งในอาคาร โรงแรม หรือพื้นที่ใช้งานขนาดใหญ่ และรองรับการตั้งค่า 4 SSID ซึ่งสามารถตั้งชื่อ Wi-Fi ได้หลากหลายตามความต้องการ เพิ่มความยืดหยุ่นและสะดวกต่อการใช้งานในทุกสถานการณ์
2. Zyxel WAP-3205V3
WAP-3205V3 ไม่ได้เป็นเพียงแค่อุปกรณ์กระจายสัญญาณเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลายในเครื่องเดียว โดยเริ่มจากเราเตอร์รับสัญญาณตามปกติ รวมถึงการเป็น Repeater ที่ช่วยขยายสัญญาณจากจุดส่งหลัก อีกทั้งยังรองรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่น ๆ แบบข้ามแบรนด์ได้ เนื่องจากมีขั้นตอนการติดตั้งที่ไม่ซับซ้อนนั่นเอง
3. TP-Link TL-WA901N
TL-WA901N หน้าตาจะคล้าย ๆ กับรุ่น N300 TL-WA801N แต่จะต่างกันตรงที่รุ่นนี้จะมีเสาสัญญาณขนาด 5 dBi จำนวน 3 เสา ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการครอบคลุมสัญญาณ รองรับการใช้งาน PoE และอัปเกรดความเร็วการส่งสัญญาณสูงสุดถึง 450 Mbps ด้วยเทคโนโลยี Align™ 1-Stream ทำให้การเชื่อมต่อราบรื่น และเหมาะสำหรับใช้งานทั่วไป เล่นเกม หรือเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ
อีกทั้งยังรองรับการทำงานในหลายโหมด อย่าง Access Point , Multi-SSID , Client , Universal / WDS Repeater และ Bridge with AP นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อผ่านสายแลนได้ง่าย หรือจะเลือกโหมดรับสัญญาณ Wi-Fi แล้วกระจายสัญญาณอีกทีก็ได้
4. Tenda OS3
แน่นอนว่า Tenda OS3 ไม่ได้เป็นแค่ Access Point เพียงเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมจุดเด่นในเรื่องของการใส่พอร์ทมามากถึง 4 ช่อง นอกจากนี้ ยังรองรับสัญญาณ Wi-Fi 5G ที่ให้ความเร็วสูงสุดถึง 867 Mbps พร้อมกระจายสัญญาณไกลถึง 5 กิโลเมตร และความพิเศษอีกเรื่องของ AP รุ่นนี้ก็คือ การกันน้ำแบบ IP65 และระบบป้องกันฟ้าผ่า เหมาะสำหรับติดตั้งภายนอกอาคารเป็นอย่างมาก
5. TP-Link Archer C6
Archer C6 เป็นอีกรุ่นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยราคาที่คุ้มค่า แถมยังมีสเปคที่จัดเต็ม มาพร้อมดีไซน์ที่สวยงาม และรองรับมาตรฐาน 802.11ac สามารถกระจายสัญญาณ Wi-Fi ได้ทั้งย่าน 2.4GHz ที่ความเร็ว 300 Mbps และ 5GHz ที่ความเร็ว 867 Mbps รวมความเร็วสูงสุดประมาณ 1200 Mbps นอกจากนี้ยังมีเสาสัญญาณ 4 ต้น ช่วยกระจาย Wi-Fi ให้ครอบคลุมมากขึ้น พร้อมพอร์ต Gigabit LAN ความเร็ว 10 / 100 / 1000 Mbps จำนวน 4 พอร์ต
อุปกรณ์รุ่นนี้รองรับการเชื่อมต่อกับ ADSL , VDSL Modem หรือ Cable Modem จากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต เช่น True , 3BB , TOT และ AIS Fiber อีกทั้งยังรองรับเทคโนโลยี MU-MIMO และ Beamforming เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน พร้อมทั้งโหมด Access Point สำหรับการตั้งค่าที่หลากหลายอีกด้วย
6. Tenda I21 AC1200
I21 AC1200 รองรับการปล่อยสัญญาณ Wi-Fi ได้ 2 ความถี่ โดยที่คลื่น 2.4 GHz สามารถให้ความเร็วสูงสุดถึง 400 Mbps ส่วนคลื่น 5 GHz จะให้ความเร็วสูงสุดถึง 867 Mbps นอกจากนี้ยังรองรับการกระจายสัญญาณในรัศมีถึง 300 เมตร และรองรับการใช้งานพร้อมกันได้สูงสุดถึง 70 เครื่อง
7. Asus RT-AX55
RT-AX55 เป็นรุ่นที่โดดเด่นทั้งด้านดีไซน์และสเปค โดยตัวเครื่องจะมาในสไตล์ที่เรียบหรู และมาพร้อมคุณสมบัติที่น่าสนใจ รุ่นนี้จะเป็น Dual Band 2 × 2 รองรับ Bandwidth 80 MHz และ 1024 – QAM ให้ความเร็วทะลุฝาผนังได้สบาย ๆ โดยมีความเร็วบนย่านความถี่ 2.4 GHz สูงสุดถึง 574 Mbps และย่านความถี่ 5 GHz สูงสุด 1201 Mbps รวมกันแล้วสามารถทำความเร็วได้ประมาณ 1800 Mbps
นอกจากนี้ยังรองรับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยอย่าง MU-MIMO , OFDMA และ Wi-Fi 6 เพื่อการเชื่อมต่ออย่างมีประสิทธิภาพ เพราะมีเสามาให้ถึง 4 ต้น พร้อมพอร์ต WAN Gigabit BaseT 1 พอร์ต และพอร์ต LAN Gigabit BaseT อีก 4 พอร์ต เหมาะสำหรับเชื่อมต่อทั้งเล่นเกมและดูหนังแบบสตรีมมิ่ง อีกทั้งยังสามารถปรับโหมดการใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Access Point , AiMesh Node , Media Bridge , Repeater หรือ Router
8. Ruijie RG-AP210-L
RG-AP210-L อาจไม่ใช่แบรนด์ที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางนัก แต่คุณภาพนั้นไม่ได้ด้อยเลย โดยตัวเครื่องจะมาพร้อมกับพอร์ตแลน สามารถกระจายสัญญาณ Wi-Fi ในย่าน 2.4 GHz รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์หลากหลาย นอกจากนี้ยังมีความพิเศษที่สามารถควบคุมการทำงานผ่านระบบ Cloud และใช้งานได้ตลอดอายุการใช้งาน พร้อมการรับประกันยาวนานถึง 3 ปี
9. Asus RT-AX82U
RT-AX82U ทั้งในด้านสเปคและดีไซน์ภายนอก โดดเด่นด้วยไฟ RGB ปรับแต่งได้ผ่าน ASUS Aura ซึ่งสามารถตั้งค่าให้เปลี่ยนตามการใช้งาน หรือปรับเองได้ตามต้องการ รุ่นนี้รองรับการใช้งานในโหมดต่าง ๆ เช่น Operation Mode , Wireless Router Mode , Access Point Mode และ Media Bridge Mode เพื่อความสะดวกในการใช้งาน นอกจากนี้ยังรองรับ Wi-Fi 6 พร้อมความเร็วสูงสุดในย่านความถี่ 2.4 GHz ที่ 574 Mbps และย่านความถี่ 5 GHz ที่ 4804 Mbps พร้อมหน่วยประมวลผล 1.5 GHz Tri-Core และ Bandwidth ขนาด 160 MHz ด้วยความเร็วสูงถึง 5400 Mbps ช่วยลดปัญหาการกระตุกและอาการค้างขณะเล่นเกม ส่วนการเชื่อมต่อจะประกอบด้วยพอร์ต WAN 1 พอร์ต พอร์ต LAN 4 พอร์ต และพอร์ต USB 3.2 Gen 1 อีก 1 พอร์ต
10. TP-Link EAP610
EAP610 มีประสิทธิภาพสูง และสามารถใช้งานได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับใช้งานระยะยาว โดยสามารถรองรับความเร็วจากคลื่น Wi-Fi 2.4 GHz ได้ถึง 574 Mbps และจากคลื่น 5 GHz ได้ถึง 1201 Mbps นอกจากนี้ยังสะดวกสบายในการจัดการเครือข่ายหรือการตั้งค่าผ่านแอป Omada ที่ช่วยให้การควบคุมและการตั้งค่านั้นง่ายและรวดเร็ว
สรุป
และนี่ก็เป็น Access Point ที่เราได้นำมาให้เพื่อน ๆ ได้พิจารณากัน โดยแต่ละรุ่นนั้นก็จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละบุคคล ว่าต้องการใช้ในบ้านประเภทไหน และใช้งานเพื่อวัตถุประสงค์อะไร นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือเรื่องของงบประมาณ และความเร็วอินเทอร์เน็ตที่รองรับการใช้งานด้วย
* เนื้อหาในบทความอาจมีผิดพลาดได้ โปรดตรวจสอบข้อมูลใหม่อีกครั้ง