SSD เป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบใหม่ที่ใช้หน่วยความจำแฟลชในการจัดเก็บข้อมูล จะแตกต่างจากฮาร์ดดิสก์แบบเดิม ที่ใช้จานแม่เหล็กในการบันทึกข้อมูล ซึ่งก็มีข้อดีหลายประการ เช่น ความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลที่สูงกว่า อายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า และการใช้พลังงานที่น้อยกว่า ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานของคอมพิวเตอร์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และด้วยความที่ SSD มีหลายชนิด และถูกผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก ในบทความนี้เราเลยนำ SSD ทั้ง 5 ตัว มาให้ได้พิจารณากัน
แนะนำ 5 SSD ความจุเยอะ ในราคาที่เอื้มถึง
1. Kingston XS2000
Kingston XS2000 มาพร้อมเทคโนโลยี USB 3.2 Gen 2 x 2 ถ่ายโอนไฟล์ภาพด้วยความละเอียดสูง 8K และเอกสารขนาดใหญ่ได้ สามารถอ่าน-เขียนข้อมูลด้วยความเร็ว 2,000 MB/s ใช้พอร์ต USB Type-C ทำให้สามารถเชื่อมต่อได้กับหลายอุปกรณ์ อีกทั้งยังมีคุณสมบัติที่กันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP55 เพิ่มการกันกระแทกด้วยปลอกยางนิรภัยแบบถอดได้อีกด้วย
2. WD Blue WDS100T2B0A
WD Blue WDS100T2B0A มีขนาดเล็ก และน้ำหนักเบากว่า HDD สามารถใช้งานได้ทั้งกับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและแล็ปท็อป อีกทั้งยังมีความเร็วที่มากกว่า HDD ถึง 5 เท่า คือเพิ่มขึ้นจากความเร็วในการอ่าน-เขียน 100 MB/s ของ HDD เป็นสูงสุด 560 MB/s และ 530 MB/s โดยไม่ต้องรอบูสต์เข้าหน้า Windows รวมถึงโอนถ่ายไฟล์ข้อมูลต่าง ๆ เป็นระยะเวลานานอีกต่อไป
ด้วยความจุ 1 TB ชนิด 3D NAND ทำให้ทน และประหยัดพลังงานยิ่งขึ้นถึง 25% สามารถเก็บไฟล์ได้ทุกประเภท หรือจะลงเกมก็ดี ช่วยอ่านข้อมูลต่าง ๆ ในเกมได้อย่างรวดเร็ว แถมมีค่า MTTF ที่ 1.75 ล้านครั้ง และ 500 TBW ส่วนอินเทอร์เฟซเป็น SATA III แบบมาตรฐาน ซึ่งจะมีอยู่ในคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องเลย
3. SanDisk Extreme Portable SSD V2
SanDisk Extreme Portable SSD V2 เป็นรุ่นที่ถูกพัฒนาต่อยอดมาจากรุ่นแรก ซึ่งสิ่งที่ถูกอัพเกรดมาในรุ่นนี้คือความเร็วในการอ่าน-เขียนข้อมูล จากรุ่นเดิมที่ทำได้สูงสุด 550 MB/s เพิ่มเป็น 1,050 MB/s โดยรองรับอินเทอร์เฟซ USB 3.2 Gen 2 ทั้ง Type-A และ Type-C ทำให้สามารถใช้งานได้กับหลากหลายอุปกรณ์ และในส่วนของความจุนั้นจะมีให้เลือกตั้งแต่ 500 GB – 4 TB
อีกทั้งยังมาพร้อมกับมาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำระดับ IP55 ทำให้แข็งแรงและมีความทนขึ้น แม้จะโดนน้ำหกใส่ หรือจะโดนละอองฝนก็ไม่เป็นปัญหา ทั้งนี้ยังเสริมด้วยเคสซิลิโคนรอบด้านอีกหนึ่งชั้น ทำให้ทนต่อแรงกระแทกได้ในระดับหนึ่งเลย อีกทั้งยังมีความปลอดภัยสูง เพราะสามารถสร้างรหัสผ่านได้ถึงระดับฮาร์ดแวร์ 256 bit น้ำหนัก 57 g เท่านั้น
4. Seagate One Touch SSD
Seagate One Touch SSD เป็นอีกรุ่นที่ได้รับความนิยม โดยจะมีจุดเด่นคือความจุที่มากถึง 1 TB ในราคาที่ใครก็สามารถเอื้อมถึง แถมยังเชื่อมต่อได้ง่ายด้วย USB-C 3.2 Gen 2 ส่วนความเร็วในการอ่าน-เขียนข้อมูลสูงสุดอยู่ที่ 1,030 MB/s และมาพร้อมกับดีไซน์โมเดิร์น ดูน่าใช้งาน รวมถึงขนาดที่เล็ก กะทัดรัด กว้างเพียงแค่ 5 cm. พร้อมน้ำหนักเบาเพียง 74 g. นำใส่กระเป๋ากางเกงยังได้เลย
วัสดุหลักทำจากโลหะ ช่วยในเรื่องของการระบายความร้อน สามารถใช้งานได้กับหลากหลายระบบปฏิบัติการ ไม่ว่าจะเป็น Windows , Mac รวึถงสมาร์ทโฟนระบบ Android อีกทั้งยังมีฟังก์ชั่น Backup ข้อมูล ที่ต้องทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ หรือในกรณีที่ข้อมูลสูญหาย ทางแบรนด์ก็มีบริการกู้คืนข้อมูลให้อีกด้วย
5. Samsung 980 Pro
Samsung 980 Pro เป็นรุ่นท็อปที่มาพร้อมเทคโนโลยี PCIe Gen.4 ทำให้มีความเร็วในการอ่าน-เขียนข้อมูลเพิ่มขึ้นเป็น 6,900 MB/s และความเร็วในการเขียนข้อมูลสูงสุด 5,000 MB/s ซึ่งจะมากกว่า Gen.3 ของรุ่นเดิมถึง 2 เท่า แถมยังจัดการกับความร้อนในขณะทำงานได้ดีขึ้นด้วยการคลือบนิกเกิล และเสริมด้วยอัลกอริทึมที่ควบคุมอุณหภูมิอีกหนึ่งชั้น ทำให้สามารถปกป้องได้ถึงขั้นสุด
นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งการทำงานของ SSD ด้วยซอฟต์แวร์ Samsung Magician ได้ เพื่อให้เหมาะกับรูปแบบการใช้งาน ในส่วนของความจุเริ่มต้นจะอยู่ที่ 250 GB และสูงสุดที่ 2 TB มีเทคโนโลยีย้อนกลับให้สามารถใช้งานร่วมกับเมนบอร์ดที่รองรับเพียง PCIe Gen.3 ได้ พร้อมรองรับฟีเจอร์ TRIM และ S.M.A.R.T รวมถึงการเข้ารหัสแบบ AES 256 bit ได้อีกด้วย
สรุป
แม้ว่าจะได้ SSD ที่ตรงตามความต้องการแล้ว แนะนำให้หาซอฟต์แวร์ที่ช่วยป้องกันคอมพิวเตอร์ให้ห่างไกลจากไวรัส , มัลแวร์ หรือสปายแวร์ต่าง ๆ ด้วย เพราะแม้การใช้ SSD จะทำให้คอมพิวเตอร์นั้นเร็วขึ้น แต่หากไม่ป้องกันภัยคุกคามทางอินเทอร์เน็ต หรือจากการก็อปปี้ไฟล์ที่ติดไวรัส อาจทำให้คอมพิวเตอร์กลับมาช้าเหมือนเดิม หรือาอจทำให้เกิดความเสียหายได้
* เนื้อหาในบทความอาจมีผิดพลาดได้ โปรดตรวจสอบข้อมูลใหม่อีกครั้ง