จะเห็นได้ว่า HDD WD หรืออุปกรณ์เก็บข้อมูล ซึ่งเป็นแบรนด์ที่เชื่อว่าหลาย ๆ คนสามารถพบเห็นกันบ่อย ๆ โดยจะมีสีสันที่หลากหลายวางขายอยู่เต็มไปหมด แถมมีให้ได้เลือกเยอะแยะมากมาย ทั้งขนาดและความจุ แล้วเคยสงสัยกันไหมว่า ฮาร์ดดิสก์แต่ละสีนั้นแตกต่างกันอย่างไร การใช้งานเหมือนกันไหม วันนี้เราจะมาบอกถึงคุณสมบัติของฮาร์ดดิสก์แต่ละสีให้ทุกท่านได้ทำความเข้าใจกัน
HDD WD มีทั้งหมดกี่สี แต่ละสีแตกต่างกันอย่างไร
HDD WD เป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่มีทั้งหมด 6 สี ด้วยกัน ได้แก่ สีเขียว , สีน้ำเงิน , สีดำ , สีแดง , สีม่วง และสีทอง ซึ่งแต่ละสีจะแบ่งเป็นสเปกของอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้ตัวฮาร์ดดิสก์ที่ใช้นั้นเหมาะกับความต้องการในการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ทั้งในแง่มุมของการใช้งานทั่วไป ใช้เล่นเกม ใช้เป็นศูนย์กลางในการเข้าถึงข้อมูล หรือใช้ในองค์กรและบริษัทต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะแบ่งตามจุดประสงค์ในการใช้งานแล้ว สเปกของแต่ละสีก็จะมีความเร็วในการอ่าน-เขียน รวมถึงใช้พลังงานไฟฟ้าที่ไม่เท่ากันอีกด้วย
1. HDD WD Black (สีดำ)
HDD WD Black (สีดำ) ประสิทธิภาพจะสูงกว่า HDD WD Green และ HDD WD Blue ซึ่งไม่เพียงแค่ได้รับความนิยมแต่ในหมู่ชาวเกมเมอร์เท่านั้น แต่เหล่านักตัดต่อรูปและวิดีโอต่างก็ชอบด้วยเช่นกัน เพราะเป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งจะมีทั้งหมดด้วยกัน 3 รุ่น ดังนี้
-
- WD BLACK HDD
- WD BLACK SN770 NVMe™ SSD
- WD BLACK SN850 NVMe™ SSD
โดยรุ่นที่มีความจุมากสุดคือ WD Black HDD ซึ่งจะมีความจุให้ได้เลือกตั้งแต่ 500 GB – 10 TB และมีขนาดให้เลือกทั้งแบบ 2.5 นิ้ว และ 3.5 นิ้ว สามารถใส่ได้ทั้งในเครื่อง PC และโน้ตบุ๊ค
* เหมาะสำหรับเล่นเกมโดยเฉพาะ ทั้งสำหรับเครื่อง PC สำหรับเล่นเกม (Gaming PC) และโน้ตบุ๊คสำหรับเล่นเกม (Gaming Notebook)
2. HDD WD Blue (สีน้ำเงิน)
HDD WD Blue (สีน้ำเงิน) มีความจุตั้งแต่ 250 GB – 8 TB เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความเร็วในการทำงาน และปริมาณความจุที่มากกว่ารุ่น HDD WD Green ซึ่งจะมีให้เลือกทั้งหมด 5 รุ่น ดังนี้
-
- WD Blue SATA SSD
- WD Blue SN550 NVMe™ SSD
- WD Blue SN570 NVMe™ SSD
- WD Blue 2.5″ HDD
- WD Blue 3.5″ HDD
ความต่างของรุ่น SN550 กับ SN570 จะอยู่ที่ความเร็วในการอ่านข้อมูล ซึ่งตัว SN550 จะมีความเร็วในการอ่านอยู่ที่ 2,600 MB / วินาที ส่วนตัว SN570 จะอยู่ที่ 3,500 MB / วินาที (ในรุ่นที่มีความจุ 500 GB – 1 TB)
* เหมาะสำหรับสร้างคอนเทนต์ หรือต้องการใช้พื้นที่ในการจัดเก็บไฟล์เป็นจำนวนมาก รวมถึงเกมเมอร์สายแคชวล
3. HDD WD Green (สีเขียว)
HDD WD Green (สีเขียว) เป็นตัวที่ประหยัดพลังงานในการใช้งานมากกว่าตัว HDD WD Blue แต่ก็แลกมาด้วยประสิทธิภาพที่ด้อยกว่าตัว HDD WD Blue ส่วนในเรื่องของการประหยัดพลังงานก็ถือว่าไม่ได้มีความต่างอะไรมากนักกับตัว HDD WD Blue แถมยังเป็นอุปกรณ์ที่มีราคาถูกที่สุด และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุดอีกด้วย
HDD WD Green (สีเขียว) จะมีความจุตั้งแต่ 120 GB – 2 TB ส่วนตัว WD Green SN350 NVMe™ SSD จะมีความเร็วสูงสุดในการประมวลผลอยู่ที่ 3,200 MB / วินาที ซึ่งปัจจุบันทาง Western Digital ได้ทำการยกเลิก HDD WD Green โดยตรงแล้ว แต่ก็ยังคงผลิตฮาร์ดไดร์ฟ SATA และ M.2 SSD ทั่วไปอยู่
* เหมาะสำหรับคนที่มีงบจำกัด และใช้งานภายในบ้านเป็นส่วนใหญ่ เช่น โปรแกรมออฟฟิศจำพวก Word , Excel , Internet และ Web Browser
4. HDD WD Gold (สีทอง)
HDD WD Gold (สีทอง) สามารถใช้งานเป็นฮาร์ดดิสก์ของ Mail Server , Web Server , File Server และอื่น ๆ ได้ นอกจากนี้ตัว HDD WD Gold ยังรองรับการใช้งานแบบ Raid ได้อีกด้วย ซึ่งจะมีด้วยกัน 2 รุ่น ดังนี้
-
- WD Gold HDD
- WD Gold Enterprise-Class NVMe SSD
โดยจะแตกต่างกันที่ อุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบ SSD นั้นจะมีการปรับปรุงความเร็วการตอบสนองต่อระบบ , การป้องกันการสูญเสียพลังงาน และคงประสิทธิภาพสูงไว้ได้ดี แถมยังมีค่า Latency ต่ำ มีความเร็วในการอ่านสูงสุดอยู่ที่ 3,100 MB / วินาที และการเขียนที่ 2,000 MB / วินาที (ในรุ่น 1.92 TB)
* เหมาะสำหรับใช้งานในบริษัทและองค์กรโดยเฉพาะ โดยจะใช้ศูนย์กลางข้อมูลของธุรกิจขนาดเล็กที่เก็บภายในศูนย์ข้อมูล ที่รองรับการเรียกใช้งานต่อเนื่องตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน
5. HDD WD Purple (สีม่วง)
HDD WD Purple (สีม่วง) ถูกออกแบบมาเพื่อสำหรับใช้งานกับระบบกล้องวงจรปิดเป็นพิเศษ เพราะระบบดังกล่าวต้องใช้งานอุปกรณ์ตลอด 24 ชั่วโมง ที่สำคัญต้องมีความจุที่สูง เพื่อให้สามารถรองรับการบันทึกไฟล์วิดีโอขนาดใหญ่ได้ โดยจะมาพร้อมกับเทคโนโลยี AllFrame™ ที่ช่วยลดการขาดช่วงของเฟรม และบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดระดับ HD ได้เป็นอย่างดี มีความจุให้ตั้งแต่ 32 GB – 1 TB
6. HDD WD Red (สีแดง)
HDD WD Red (สีแดง) ถูกออกแบบมาสำหรับอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย โดยเฉพาะการใช้งานในโฮมออฟฟิศ หรือธุรกิจขนาดเล็กถึงกลาง ซึ่งตัว HDD WD Red นั้นจะถูกปรับแต่งสำหรับเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน พร้อมรองรับความจุในระบบ NAS ได้สูงสุดถึง 24 ช่องเสียบ ที่สำคัญคือทนความร้อน การสั่นสะเทือน และการเปิดใช้งานตลอดเวลาได้ด้วย
สรุป
สำหรับ HDD WD นั้น ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน หรือการใช้งานที่เหมาะสม จะช่วยทำให้ยืดอายุการใช้งานของฮาร์ดดิสก์ได้ยาวนานมากขึ้น หากใครที่ต้องการหาซื้อฮาร์ดดิสก์มาใช้ แนะนำให้เลือกซื้อให้เหมาะสมกับการใช้งานจะดีที่สุด เพราะตัวฮาร์ดดิสก์แต่ละตัวนั้นได้ถูกออกแบบมาให้ทนต่อการใช้งานที่ต่างกัน
* เนื้อหาในบทความอาจมีผิดพลาดได้ โปรดตรวจสอบข้อมูลใหม่อีกครั้ง