ในปัจจุบัน เครื่องสแกนนิ้ว ได้ถูกนำมาใช้งานอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะในออฟฟิศ , โรงเรียน หรือหอพัก โดยมีจุดประสงค์ในการใช้ยืนยันตัวตนของบุคคลนั่นเอง ซึ่งเครื่องสแกนนิ้วได้ถูกวางจำหน่ายหลากหลายแบรนด์ นอกจากจะสามารถสแกนลายนิ้วมือได้แล้ว ในหลาย ๆ รุ่นยังมาพร้อมกับระบบยืนยันตัวตนได้อีกด้วย เช่น สแกนบัตร หรือสแกนใบหน้า เป็นต้น
ประโยชน์ของเครื่องสแกนนิ้ว
เครื่องสแกนนิ้ว เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับบันทึกข้อมูลเข้า-ออกของบุคคล หรือพนักงาน โดยนำมาใช้แทนเครื่องตอกบัตรที่มีขั้นตอนใช้งานที่ซับซ้อน และมีโอกาสที่บุคคลอื่นจะบันทึกข้อมูลแทนได้ ซึ่งจะแตกต่างจากเครื่องสแกนนิ้วที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากบุคคลภายในองค์กรต้องบันทึกลักษณะส่วนบุคคล เช่น ลายนิ้วมือหรือใบหน้า ซึ่งจะไม่สามารถปลอมแปลงได้
เครื่องสแกนนิ้ว ช่วยประหยัดเวลาในการบันทึกข้อมูลมากกว่าเครื่องตอกบัตร เพราะหลังจากบันทึกข้อมูลไบโอเมตริกส์กับเครื่องสแกนนิ้วแล้ว ครั้งต่อไปจะทำแค่ประทับลายนิ้วมือลงบนเครื่องสแกนนิ้ว จากนั้นเครื่องจะตรวจสอบตัวตน และบันทึกเวลาเข้า-ออกทันทีภายในเวลาไม่ถึง 1 วินาที นอกจากนี้ยังช่วยจัดการข้อมูลของบุคคลภายในองค์กรได้อย่างเป็นระบบอีกด้วย
เครื่องสแกนนิ้วมีวิธีการเลือกแบบไหนบ้าง
เครื่องสแกนนิ้วในหลาย ๆ รุ่น สามารถทำได้มากกว่าการสแกนลายนิ้วมือ และเพื่อให้สามารถเลือกซื้อเครื่องสแกนนิ้วที่เหมะสมกับลักษณะการใช้งานที่ต้องการได้ เรามาดูกันว่าเครื่องสแกนนิ้วมีวิธีการเลือกแบบไหนบ้าง
1. เลือกแบบที่บันทึกข้อมูลได้หลายวิธี
เครื่องสแกนนิ้ว นอกจากฟังก์ชั่นหลักอย่างการสแกนนิ้วแล้ว ยังมีระบบการยืนยันตัวตนอีกหลายวิธีที่ทำให้สะดวกและรวดเร็วในการประมวลผล เช่น การสแกนหน้า , รหัสผ่าน , คีย์การ์ด เป็นต้น โดยเฉพาะระบบรหัสผ่านและคีย์การ์ดที่แทบจะมาพร้อมเครื่องสแกนนิ้วเกือบทุกรุ่นเลยก็ว่าได้ และสำหรับคนที่ไม่ต้องการใช้ที่สแกนลายนิ้วมือ หรือปุ่มกดรหัสผ่าน ก็สามารถใช้ระบบสแกนใบหน้าได้เหมือนกัน
2. เลือกจากจำนวนในการบันทึกข้อมูล
การตรวจสอบจำนวนในการบันทึกข้อมูลของเครื่องสแกนนิ้ว เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนลายนิ้วมือ , ใบหน้า , รหัสผ่าน หรือคีย์การ์ด รวมถึงบันทึกรายการเข้า-ออก โดยเฉพาะหากใครที่ต้องการนำไปใช้งานกับองค์กรขนาดใหญ่ หรือสถานที่ที่มีคนจำนวนมาก บอกเลยว่ายิ่งต้องคำนึงถึงเรื่องนี้เป็นพิเศษ
-
- จำนวนลายนิ้วมือ
เครื่องสแกนนิ้ว สามารถบันทึกข้อมูลลายนิ้วมือได้ขั้นต่ำ 500 รายการ ซึ่งหากภายในองค์กรมีจำนวนพนักงานหรือสมาชิกไม่ถึง 500 คน ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว แต่หากมีพนักงานมากกว่านั้น แนะนำให้มองหาเครื่องสแกนนิ้วที่สามารถบันทึกข้อมูลลายนิ้วมือให้เข้ากับจำนวนบุคคลจะดีที่สุด - บันทึกรายการเข้า-ออก
สามารถบันทึกรายการเข้า-ออกได้ถึง 50,000 รายการ แต่หากไม่มั่นใจว่าจำนวนเท่านี้จะไม่พอ ยังมีอีกหลายรุ่นที่บันทึกรายการเข้า-ออกได้เป็นจำนวนมาก โดยบางรุ่นสามารถบันทึกได้ถึง 500,000 รายการ เลยทีเดียว - จำนวนใบหน้า
เครื่องสแกนนิ้วที่มาพร้อมฟังก์ชั่นสแกนใบหน้า ส่วนใหญ่จะบันทึกข้อมูลใบหน้าได้ 200 คน หากเป็นบริษัทหรือองค์กรขนาดเล็ก จำนวนเท่านี้บอกเลยว่าใช้งานได้แบบไม่มีปัญหา แต่หากต้องสแกนใบหน้าจริง ๆ เลือกเครื่องสแกนนิ้วที่สามารถบันทึกข้อมูลใบหน้าที่เข้ากับจำนวนสมาชิกแทนได้
- จำนวนลายนิ้วมือ
3. เลือกเครื่องสแกนนิ้วที่มีหน้าจอแสดงผลคมชัด
เครื่องสแกนนิ้วที่มีหน้าจอแสดงผลคมชัด ทำให้สามารถตรวจสอบข้อมูลที่ระบุอยู่บนหน้าจอได้ง่ายขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ หน้าจอแสดงผลของเครื่องสแกนนิ้วจะมีขนาด 2.4 นิ้ว – 2.8 นิ้ว หากยิ่งเป็นหน้าจอสีก็จะยิ่งเพิ่มความสะดวกและดูน่าใช้งานมากขึ้น นอกจากนี้ หากเมนูและระบบต่าง ๆ ของเครื่องสแกนนิ้วเป็นภาษาไทย จะช่วยให้เข้าใจวิธีการใช้งานได้ง่ายขึ้นไปอีก
4. ตรวจสอบวิธีการเชื่อมต่อเครื่องสแกนนิ้ว
วิธีการเชื่อมต่อที่ง่ายและสะดวกที่สุด คือ ใช้ USB Flash Drive เพราะเป็นวิธีที่ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต หรือเดินสายแลนให้ยุ่งยาก สามารถอัพเดตเฟิร์มแวร์หรือถ่ายโอนข้อมูลได้ แต่หากไม่มี Flash Drive สามารถใช้วิธีอื่นแทนได้ เช่น เชื่อมต่อกับ WiFi หรืออัพโหลดข้อมูลขึ้นระบบ Cloud และใช้อุปกรณ์ที่สามดาวน์โหลดข้อมูลอีกที
สรุป
เครื่องสแกนนิ้ว เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย และความสะดวกในการใช้งานหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นในองค์กร สถานศึกษา หรือบ้านพักอาศัย เพื่อการเลือกใช้ที่เหมาะสม ควรพิจารณาตามการใช้งาน ความปลอดภัย และประเภทเซนเซอร์ที่ต้องการ ทั้งนี้ การเลือกเครื่องสแกนนิ้วที่มีคุณภาพ และคอยดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้การใช้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
* เนื้อหาในบทความอาจมีผิดพลาดได้ โปรดตรวจสอบข้อมูลใหม่อีกครั้ง