บทความข่าวสารไอที

RAM คืออะไร ทำหน้าที่อะไรบ้าง ?

RAM คืออะไร ทำหน้าที่อะไรบ้าง ?

RAM เป็นชิ้นส่วนสำคัญในเครื่องคอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่เป็นหน่วยความจำที่เชื่อมต่อโดยตรงกับ CPU หากไม่มีแรม คอมพิวเตอร์จะไม่สามารถทำงานได้ปกติ มีคุณสมบัติในการรับ-ส่งข้อมูล และส่งผลต่อประสิทธิภาพในการใช้งานอีกด้วย ดังนั้น การเลือกแรมที่เหมาะสมกับอุปกรณ์และลักษณะการใช้งาน รวมถึงตรงตามคุณสมบัติของ CPU และเมนบอร์ด จะช่วยให้ทำงานได้อย่างรวดเร็วและลื่นไหลมากขึ้น

 

RAM คืออะไร ?

RAM (Random-access Memory) คือ หน่วยความจำระยะสั้นที่ติดตั้งอยู่ในคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊ก ทำหน้าที่เก็บข้อมูลและชุดคำสั่งชั่วคราวขณะเครื่องกำลังทำงาน เไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการรับหรือส่งข้อมูลก็ตาม ในปัจจุบัน แรมที่วางขายจะมีขนาดและความจุให้เลือกใช้งานหลายระดับ ยิ่งมีความจุหรือขนาดที่สูง คอมพิวเตอร์ก็จะทำการเขียน-อ่านข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง แต่ก็ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์อื่น ๆ ที่ทำงานร่วมกันด้วย

 

RAM มีกี่ประเภท อะไรบ้าง ?

  1. SRAM
    RAM ประเภทนี้จะมีความเร็วมากกว่าแบบ DRAM และใช้พลังงานน้อยกว่า ซึ่งมาพร้อม Transistor 6 ตัว เพื่อใช้เก็บข้อมูลในเซลล์หน่วยความจำ และใช้ควบคุมจัดการสิ่งที่จัดเก็บไว้นั่นเอง
  2. DRAM
    เป็นหน่วยความจำสำรองที่คอมพิวเตอร์จะขาดไม่ได้เลย เพราะหากไม่มีหน่วยความจำแรม เครื่องคอมพิวเตอร์จะเปิดไม่ติด จะพบอยู่ทั้งใน PC , โน๊ตบุ๊ค , แล็ปท็อป , แท็บเล็ต นอกจากนี้ยังเจอในอีกหลากหลายอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์อีกด้วย
  3. SDRAM
    แรมตัวนี้จะเด่นในเรื่องของความเร็ว และทำงานร่วมกับ CPU ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะทำงานโดยเชื่อมกับ System Clock ของซีพียู และระบบบัสในคอมพิวเตอร์ จะใช้สัญญาณเหล่านี้เพื่อควบคุมการเขียน-อ่านข้อมูล แต่จะมีขอบเขตการป้อนข้อมูลเพียง 1 หน่วยเท่านั้น ซึ่งจะน้อยกว่า DDR RAM ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน
  4. DDR RAM
    ถือเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน ส่วน RAM DDR3 จะยังมีใช้อยู่บ้างในคอมพิวเตอร์รุ่นเก่า โดยจะมาพร้อมกับการเพิ่มความเร็วของอัตราการส่งข้อมูลเป็น 2 เท่า จาก SDRAM และยังมีรุ่นใหม่ ๆ แยกย่อยออกมาเพื่อเพิ่มความเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย

RAM มีวิธีการเลือกอย่างไร ?

1. ดูจากฟอร์มแฟคเตอร์ของ RAM

ในปัจจุบัน RAM ที่วางจำหน่ายจะมีฟอร์มแฟคเตอร์อยู่ 2 ประเภท ได้แก่ DIMM และ SO-DIMM สองประเภทนี้จะแบ่งออกเป็นลักษณะย่อย แต่การนำมาใช้จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทนี้เท่านั้น ซึ่งการนำแรมมาใช้งาน ควรตรวจสอบฟอร์มแฟคเตอร์ให้เหมาะสมด้วย

 

    • DIMM (Dual In-line Memory Module) สำหรับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ
      RAM รูปแบบนี้ มักพบเห็นได้มากกว่า จะมีลักษณะขนาดยาว และมีเขี้ยวที่ตรงกับสล็อตบนเมนบอร์ด ก่อนใช้งานควรตรวจสอบความเข้ากันได้ของเมนบอร์ดด้วย ส่วนข้อดีของแรมลักษณะนี้คือ สามารถถอดและเปลี่ยนได้ง่าย หากเกิดความเสียหาย สามารถหามาเปลี่ยนได้ด้วยตัวเอง
    • SO-DIMM (Small Outline DIMM) สำหรับโน้ตบุ๊ค
      จะมีขนาดเล็กกว่า RAM DIMM ขนาดของแรมจะเข้ากับสล็อตบนเมนบอร์ดของโน้ตบุ๊คพอดี แต่การเปลี่ยนแรมในลักษณะนี้จะยุ่งยากมากกว่า และต้องใช้ทักษะเฉพาะทางถึงจะเปลี่ยนด้วยตัวเองได้ โดยปกติแล้ว แรมลักษณะนี้จะถูกติดตั้งอยู่ในโน้ตบุ๊ค ทำให้ไม่นิยมขายแยกเพื่อนำมาติดตั้งในภายหลัง

2. ตรวจสอบความจุของ RAM ให้เหมาะสมกับการใช้งาน

RAM ที่มีความจุต่างกัน เหมาะสำหรับใช้งานที่ต่างกันออกไป และอย่างที่บอกไปข้างต้น ก่อนนำแรมมาใช้งาน ควรตรวจสอบความต้องการหรือจุดประสงค์ของตัวเองก่อนว่าต้องการนำคอมพิวเตอร์มาใช้งานในรูปแบบไหน เพื่อจะได้เลือกแรมที่มีความจุที่เหมาะสมมาใช้งานนั่นเอง ซึ่งจะมีดังนี้

 

    • RAM 8 GB – 16 GB สำหรับใช้งานทั่วไป และงานเอกสารเบื้องต้น
    • RAM 16 GB – 32 GB สำหรับใช้เล่นเกม
    • RAM 32 GB ขึ้นไป สำหรับทำงานเฉพาะด้าน เช่น งานกราฟิก หรือตัดต่อวิดีโอ

3. ตรวจสอบ DDR และ Bus Speed ให้เหมาะสมกับฮาร์ดแวร์ที่ใช้งานร่วมด้วย

สิ่งสำคัญในการนำ RAM มาใช้งาน คือ ตรวจสอบ DDR และ Bus Speed สำหรับ DDR จะเป็นอัตราการส่งข้อมูล ซึ่งปัจจุบันจะมีตั้งแต่ DDR1 – DDR5 แต่แรมที่นิยมนำมาใช้งานจะเป็น DDR4 และ DDR5 การตรวจสอบ DDR ต้องตรวจสอบควบคู่ไปกับ CPU และเมนบอร์ดด้วย ส่วน Bus Speed จะเป็นตัวเลขที่แสดงความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูล

 

    • DDR4
      เป็นมาตรฐานที่ใช้ในปัจจุบัน จะมีความเร็วอยู่ที่ 8 Bit Prefetct ในขณะเดียวกันก็มีอัตราการถ่ายโอนข้อมูล 1,600 MT/s – 3,200 MT/s ซึ่งเพียงพอต่อการนำคอมพิวเตอร์มาใช้งาน ตั้งแต่การใช้งานทั่วไปจนถึงการนำมาใช้ประกอบการเล่นเกมได้
    • Bus Speed ที่อยู่บน RAM DDR4
      จะมีความเร็วเริ่มต้นที่ 800 MHz , 1600 MHz , 2133 MHz , 2400 MHz , 2666 MHz , 2933 MHz และ 3200 MHz โดยบางรุ่นจะมีความเร็วสูงสุดถึง 5000 MHz เลยทีเดียว
    • DDR5
      เป็นมาตรฐานที่ใหม่กว่า และทำงานได้รวดเร็วกว่า แต่ก็มีราคาที่สูงกว่ามากเช่นกัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเร็วในการใช้งานคอมพิวเตอร์ เช่น เล่นเกมระดับไฮเอนด์ ทำงานกราฟิก หรือตัดต่อวิดีโอ และมีความเร็ว 16 Bit Prefetct และอัตราการถ่ายโอนข้อมูล 3,200 MT/s – 8,400 MT/s
    • Bus Speed ที่อยู่บน RAM DDR5
      มีความเร็วเริ่มต้นที่ 4800 MHz , 5200 MHz , 6000 MHz และบางรุ่นจะมีความเร็วสูงถึง 8000 MHz เลยทีเดียว

4. พิจารณาค่า CL (CAS Latency) ควบคู่กับ Bus Speed

ในการเลือก RAM สำหรับใช้งาน ค่า CL (CAS Latency) และ Bus Speed ควรพิจารณาควบคู่กันไป เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ค่า CL คือเวลาหน่วงในการเข้าถึงข้อมูลในหน่วยความจำ ยิ่งค่าต่ำจะยิ่งตอบสนองเร็วขึ้น ขณะที่ Bus Speed จะเป็นความเร็วในการส่งข้อมูล

 

    • หากค่า CL ต่ำ แต่มีค่า Bus Speed สูง RAM จะทำงานได้อย่างรวดเร็ว
    • หากค่า CL สูง แต่มีค่า Bus Speed ต่ำ RAM จะทำงานได้ช้า

5. ตรวจสอบจำนวนช่องเสียบ (Slots) ใน RAM บนเมนบอร์ด

บนเมนบอร์ด ปกติแล้วจะมีสล็อตหรือช่องสำหรับใส่แรม 4 ช่อง ซึ่งจะแบ่งเป็น A1 , A2 , B1 และ B2 ก่อนนำมาใช้งาน ควรตรวจสอบให้ดีก่อนว่าต้องติดตั้งอย่างไร หากเป็นเมนบอร์ดที่มีช่องเสียบ 4 ช่อง จะต้องเสียบในช่อง A1 และช่อง B1 ก่อน เพื่อให้แรมทำงานในรูปแบบ Dual Channel

 

RAM สูงสุดเท่าไหร่ ดูยังไง ?

สามารถดูความจุ RAM สูงสุดที่รองรับได้จากคู่มือเมนบอร์ด หรือเว็บไซต์ผู้ผลิต เมนบอร์ด / โน้ตบุ๊ก นอกจากนี้ โปรแกรม เช่น CPU-Z หรือ Speccy จะแสดงรายละเอียดของสล็อตและความจุที่รองรับได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ แนะนำให้ดูประเภทแรมที่เข้ากันได้ เช่น DDR3 , DDR4 หรือ DDR5 เพื่อความไม่เข้ากัน และหากต้องการอัพเกรดแรม ควรใส่คู่ที่มีความเร็วและความจุเท่ากัน เพื่อประสิทธิภาพที่สูงสุด

 

สรุป

หากจะซื้อ RAM สักคู่ หวังว่าคงจะเลือกกันได้แล้วว่าต้องซื้อตัวไหนถึงจะตรงกับความต้องการ ไม่เพียงแต่ให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้อย่างปกติเท่านั้น แต่หากซื้อแรมไม่ตรงกับการใช้งาน ก็อาจส่งผลให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้ช้าลง และไม่สามารถเปิดบางโปรแกรมได้เลย ดังนั้น ก่อนซื้อควรพิจารณาให้ดีก่อนว่าจริง ๆ แล้วนำคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊คมาทำอะไร เพื่อที่จะได้เลือกแรมที่มีสเปกตรงตามต้องการ

 

* เนื้อหาในบทความอาจมีผิดพลาดได้ โปรดตรวจสอบข้อมูลใหม่อีกครั้ง