จอคอม กับวิธีดูแลรักษาเบื้องต้น ให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้น

การทำความสะอาด จอคอม ถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเมื่อใช้งานไปสักพัก หน้าจอจะเริ่มมีสิ่งสกปรกเข้ามาเกาะ เช่น ฝุ่น หรือคราบไขมันจากนิ้วมือ โดยปกติแล้ว ควรทำความสะอาดอย่างน้อยเดือนละ 1 – 2 ครั้ง ซึ่งไม่ยากอย่างที่คิด เพราะไม่ต้องใช้อุปกรณ์มากมาย อีกทั้งการทำความสะอาดบ่อยครั้งยังช่วยให้หน้าจอดูเหมือนใหม่ตลอดเวลาและน่าใช้งานอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ควรทำความสะอาดอย่างถูกวิธีเพื่อป้องกันความเสียหาย ในบทความนี้เราได้รวมวิธีต่าง ๆ มาให้ดู ซึ่งสามารถทำได้ด้วยตัวเองง่าย ๆ

 

จอคอม มีวิธีตรวจเช็คสภาพอย่างไร

การตรวจเช็คจอภาพ ถือเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้การทำความสะอาดเลย ควรตรวจสอบพอร์ตเชื่อมต่อและสายสัญญาณต่าง ๆ เพื่อหาความผิดปกติ หากพบว่าสายสัญญาณชำรุดหรือเสียหาย ควรเปลี่ยนใหม่เพื่อความเสถียรของภาพและความปลอดภัยของผู้ใช้งาน นอกจากนี้ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของจอภาพให้คงทนยาวนาน โดยจะมีขั้นตอนการตรวจเช็คดังนี้

 

1. เช็คสายไฟ AC

ควรเช็คสายไฟให้แน่ใจว่าไม่มีรอยขาด ชำรุด หรือหลวมหรือไม่ หากพบว่าขาปลั๊กหักหรือโยกได้ ควรเปลี่ยนปลั๊กใหม่ทันที เพราะปลั๊กที่หลวมอาจทำให้เกิดประกายไฟและความร้อน ซึ่งอาจทำให้เกิดไฟไหม้ได้

 

2. เช็คสายสัญญาณ

ควรตรวจเช็คสายสัญญาณว่ามีการชำรุด แตก หรือหักหรือไม่ เพราะหากสายขาด อาจส่งผลให้สัญญาณไม่ดี ทำให้เกิดภาพกระพริบหรือกระตุกระหว่างการใช้งานได้ หากพบความชำรุด แนะนำให้เปลี่ยนสายใหม่เพื่อการใช้งานที่ดีขึ้น

 

3. เช็คพอร์ต

ควรตรวจเช็คว่าบริเวณหน้าสัมผัสของพอร์ตมีคราบฝุ่นหรือคราบออกไซด์สะสมหรือไม่ หากพบให้ทำความสะอาด โดยใช้แปรงทำความสะอาดหรือแปรงสีฟันที่ไม่ใช้แล้ว ชุบน้ำมันรอนสันแล้วขัดที่พอร์ต หรืออีกทางเลือกคือการใช้สเปรย์ทำความสะอาดหน้าสัมผัสไฟฟ้า ซึ่งเป็นน้ำยาที่ไม่เป็นอันตรายต่อระบบไฟฟ้า เพื่อความปลอดภัย

 

4. ปุ่มควบคุม

ปุ่มควบคุม ถือเป็นอีกสิ่งที่ควรตรวจเช็ค เนื่องจากหากปุ่มกดไม่ทำงาน จะไม่สามารถปรับตั้งค่าต่าง ๆ เช่น ค่าสี ความสว่าง หรือคอนทราสต์ได้ แต่หากไม่ค่อยมีความจำเป็นในการปรับค่าเหล่านี้ก็ไม่จำเป็นต้องส่งซ่อม เพราะส่วนใหญ่มักไม่ค่อยได้ปรับอะไรมากนัก เพียงแค่ปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดใช้งานได้ก็เพียงพอแล้ว

 

วิธีทำความสะอาดจอคอมขั้นพื้นฐานด้วยตัวเอง

ควรทำความสะอาดจอภาพและอุปกรณ์อย่างน้อยเดือนละ 1 – 2 ครั้ง เพื่อล้างคราบสกปรก เช่น ฝุ่น เศษอาหาร หรือคราบน้ำหวานและกาแฟที่อาจหกโดยไม่ตั้งใจ หากปล่อยทิ้งไว้ อาจทำให้ดูไม่สวยงามและเกิดความเสียหายได้ โดยสามารถทำความสะอาดได้หลายวิธี ดังนี้

 

1. ใช้ผ้าสะอาด

หากจอภาพไม่ได้สกปรก หรือไม่มีคราบติดแน่น ให้ใช้ผ้าสะอาดนุ่ม ๆ เช่น ผ้าชามัวร์หรือไมโครไฟเบอร์ เช็ดที่ผิวด้านหน้าของจอ โดยให้เช็ดเป็นวงกลม ไล่ไปจนทั่วจอ

 

2. ใช้น้ำยาทำความสะอาด

วิธีทำความสะอาดจอสามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการใช้น้ำยาทำความสะอาดที่ออกแบบมาสำหรับจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถหาซื้อได้จากร้านค้าออนไลน์ หรือร้าน IT ส่วนใหญ่จะมีชุดทำความสะอาดที่ประกอบด้วยทั้งผ้าและน้ำยาทำความสะอาดรวมกันอยู่แล้ว วิธีการใช้ก็ไม่ซับซ้อน หากเป็นน้ำยาสเปรย์ให้ฉีดพ่นลงบนผ้าหรือบนหน้าจอเล็กน้อย แล้วใช้ผ้าเช็ดวน ๆ ให้ทั่วหน้าจอ แต่หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วแอลกอฮอล์ใช้เช็ดหน้าจอได้ไหม ซึ่งความจริงแล้วสามารถใช้ได้ แต่ไม่แนะนำให้ใช้บ่อย เนื่องจากแอลกอฮอล์อาจทำลายพื้นผิวของหน้าจอได้ จึงควรใช้ผ้าชุบน้ำยาทำความสะอาดโดยเฉพาะ หรือผ้าชุบน้ำผสมน้ำยาล้างจานแบบอ่อน ๆ แล้วบิดให้หมาด เช็ดเบา ๆ จะดีกว่า

 

3. แปรงปัดฝุ่น

ในส่วนที่ผ้าไม่สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ ควรใช้แปรงทำความสะอาดเพื่อปัดเศษฝุ่นออกจากซอกหรือร่องต่าง ๆ หากยังมีฝุ่นหลงเหลืออยู่หลังจากนั้น ควรใช้เครื่องเป่าลมหรือเครื่องดูดฝุ่นช่วยขจัดฝุ่นออกให้หมด

 

ข้อควรระวัง : ก่อนการทำความสะอาดแต่ละครั้ง หากใช้น้ำยาหรือผ้าชุบน้ำ ควรถอดปลั๊กออกให้หมดก่อน เพื่อลดความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น

 

การแก้ปัญหาเบื้องต้น

ปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการใช้งาน เช่น จอดับ , จอติด ๆ ดับ ๆ , จอสีเพี้ยน , จอกระพริบ หรือเปิดไม่ติด เป็นเรื่องที่สามารถพบได้บ่อย ดังนั้น เราควรทราบวิธีการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นไว้ หากทำได้ด้วยตัวเองจะช่วยลดเวลาในการส่งเช็คกับศูนย์บริการได้

 

จอเปิดไม่ติด

หากเกิดปัญหาจอเปิดไม่ติด ให้เริ่มจากการกดปุ่ม Power บนตัวจอ หากไม่มีการแสดงผลหรือสัญญาณไฟ LED ให้ลองถอดและเสียบสายปลั๊กไฟ AC ใหม่ โดยเริ่มจากการถอดสายปลั๊กจากเต้ารับก่อน จากนั้นถอดปลั๊กที่ตัวจอออก แล้วเสียบกลับให้แน่นทั้งที่ตัวจอและปลั๊กไฟบ้าน หรืออาจลองเปลี่ยนช่องปลั๊กใหม่ เพราะบางครั้งปัญหาอาจเกิดจากปลั๊กหลวม หรือเสียบไม่แน่น

 

จอไม่มีภาพ

หากพบข้อความ Check Signal Cable หรือ No Signal บนหน้าจอ (คำแสดงข้อผิดพลาดอาจแตกต่างกันตามยี่ห้อ) ให้ลองถอดและเสียบสายสัญญาณใหม่ ทั้งในส่วนที่เชื่อมต่อกับจอภาพและคอมพิวเตอร์ หรือแล็ปท็อป (เช่น VGA , HDMI หรือ DisplayPort) หากยังไม่ได้ผล ให้ลองกดเลือก Input Source อีกครั้ง ว่าตรงกันกับช่องที่ต่อหรือไม่

 

จอกระพริบ

ให้เช็คจากสาย AC ก่อนว่าหลวมหรือไม่ หากแน่นดีแล้ว อีกจุดสำคัญคือ ตรวจเช็คสายสัญญาณ ไม่ว่าจะเป็น VGA , HDMI , DVI หรือ DisplayPort เพราะพอร์ตเหล่านี้หากใช้งานไปนาน ๆ หรือถอดเสียบบ่อย ๆ อาจทำให้สายหลวมหรือเสื่อมสภาพได้ ควรถอดสายแล้วทำความสะอาด หรือลองเปลี่ยนสายใหม่

 

จอสีเพี้ยน

ปัญหาหน้าจอสีเพี้ยน สามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น สายสัญญาณที่เชื่อมต่อไม่แน่น ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการสีเพี้ยนบางครั้ง เช่น สีม่วงหรือเหลือง โดยปัญหานี้มักเกิดจากสายสัญญาณ หรือการแปลงสัญญาณ ให้ลองถอดและเสียบสายใหม่ดู หากยังไม่ดีขึ้น จำเป็นต้องเปลี่ยนสาย หรือใช้สเปรย์ทำความสะอาดที่เชื่อมต่อ หากปัญหาเกิดจากจอที่มีขอบเขตสีจำกัด เช่น จอโน้ตบุ๊คที่มีขอบเขตสี 100% sRGB เทียบกับจอคอมพิวเตอร์ที่มีขอบเขตสีเพียง 45% NTSC (ประมาณ 60% sRGB) ก็อาจทำให้สีดูซีดลง ซึ่งก็มีแต่ต้องเปลี่ยนจอใหม่เท่านั้น

 

จอเป็นคราบน้ำด้านใน

คราบน้ำที่เกิดขึ้นภายในจอคอมพิวเตอร์อาจมาจากหลายสาเหตุ เช่น ความชื้น หรือแมลงตัวเล็กอย่างมด เข้าไปทำรังระหว่างพาเนลกับผิวด้านนอก ซึ่งมักพบในจอที่ไม่ได้ใช้งานนาน ๆ หรืออาจเกิดจากน้ำหวานหกใส่แล้วทำความสะอาดจอไม่ดี ในบางกรณี สาเหตุอาจเกิดจากการเสื่อมสภาพของชั้นกาวภายในจอ ซึ่งมักพบในจอทัชสกรีนที่ได้รับความร้อนสะสมเป็นเวลานาน

 

จอเกิดภาพซ้อน

อาการนี้เกิดจากการทิ้งหน้าจอไว้นาน ๆ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงภาพ ซึ่งทำให้เม็ดสีหรือพิกเซลเกิดความร้อนสะสม ทำให้ชุดพาเนลได้รับความเสียหาย

 

Dead Pixel

หากจอภาพเป็นจุดดำ หรือสีเพี้ยนที่เม็ดพิกเซล หากยังอยู่ในประกัน ส่วนใหญ่จะสามารถเคลมได้หากมี Dead Pixel มากกว่า 3 – 4 จุด แต่ต้องเช็คกับทางศูนย์บริการว่าเงื่อนไขในการเคลมของแต่ละที่เป็นอย่างไร เพราะฉะนั้น หากซื้อจอภาพใหม่ ควรรีบเช็คโดยละเอียดว่ามีจุดเม็ดสีที่ผิดปกติหรือไม่ เพราะในช่วง 7 วันแรก ยังสามารถเปลี่ยนสินค้ากับทางร้านได้

 

สรุป

จอคอม เป็นอุปกรณ์สำคัญของคอมพิวเตอร์ที่ควรให้ความใส่ใจ และดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ เช่น ทำความสะอาดจอ ตรวจเช็คอุปกรณ์ต่าง ๆ หรือแก้ไขปัญหาพื้นฐานที่อาจเกิดขึ้น ไม่ว่าจะใช้งานหนักแค่ไหน การดูแลรักษาความสะอาดควรทำอย่างน้อยเดือนละ 1 – 2 ครั้ง เพื่อให้จอคอมพิวเตอร์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อคนที่ใช้คอมพิวเตอร์ไม่มากก็น้อย

 

* เนื้อหาในบทความอาจมีผิดพลาดได้ โปรดตรวจสอบข้อมูลใหม่อีกครั้ง