หากใครที่กำลังมองหา จอภาพ เพื่อใช้ในงานต่าง ๆ ซึ่งหลาย ๆ คนอาจเคยเห็นคำว่า IPS VA TN ผ่านตามาบ้างแล้ว แล้วรู้หรือไม่ว่าแต่ละประเภทนั้นมีความสามารถที่แตกต่างกัน และมีผลต่อประสิทธิภาพในการแสดงผลของจอภาพอย่างไร การเลือกประเภทของจอภาพให้เหมาะกับการใช้งานจึงเป็นสิ่งสำคัญในปัจจุบัน ซึ่งในบทความนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับเทคโนโลยีจอภาพทั้ง 3 ประเภทนี้ เพื่อให้เข้าใจว่าแต่ละประเภทมีความสำคัญอย่างไร รวมถึงข้อดีข้อเสียเพื่อช่วยในการตัดสินใจในการเลือกจอที่ดีที่สุดกัน
IPS คืออะไร ?
IPS (In-Plane Switching) ได้รับความนิยมในปัจจุบันเป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถแสดงสีสันที่สดใส รายละเอียดคมชัด และมุมมองที่กว้าง โดยไม่เกิดการบิดเบือนภาพ ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดพลังงานด้วย แต่ข้อเสียคือ อัตรารีเฟรช (Refresh Rate) ที่ต่ำกว่าพาเนลประเภทอื่น ๆ ซึ่งในปัจจุบันได้มีการผลิตจอ IPS ที่มีอัตรารีเฟรชสูงขึ้นมาแล้ว แถมราคาก็ยังสูงตามไปด้วย
จอ IPS เหมาะสำหรับผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับกราฟิก เช่น กราฟิกดีไซน์ , ตัดต่อวิดีโอ , ตกแต่งภาพ หรือวิเคราะห์ข้อมูลที่มีกราฟต่าง ๆ ส่วนการเล่นเกมก็สามารถทำได้ดี เนื่องจากจอ IPS สามารถแสดงผลภาพและเอฟเฟกต์ในเกมได้อย่างสวยงาม เหมาะสำหรับผู้ที่เน้นภาพที่สวยงามมากกว่าเฟรมเรต หรืออัตราการตอบสนองเป็นหลัก
ข้อดีของ IPS
- มีขอบเขตสีที่กว้างดีกว่ารุ่นอื่น ทำให้มีสีค่อนข้างตรง
- มุมมองของภาพกว้างที่สุด
- รายละเอียดภาพดีกว่าจอชนิดอื่น
- จอมีความแข็ง เวลาโดนกดหรือจิ้ม สีจะไม่เพี้ยน
ข้อเสียของ IPS
- กระจายแสงได้เยอะกว่าพาเนลชนิดอื่น ทำให้แสดงสีดำได้ไม่สนิท
- เกิด Motion Blur หรือ Ghost ได้ หากเคลื่อนไหวเร็ว ๆ
- ราคาแพงสุด หากเทียบกับสเปคชนิดอื่น
VA คืออะไร ?
VA (Vertical Alignment) เป็นพาเนลที่ได้รับความนิยมมาก เนื่องจากคุณสมบัติที่เหมาะกับการใช้งานหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะทำงานหรือเล่นเกม ซึ่งถือเป็นพาเนลที่อยู่ระหว่าง IPS และ TN โดยมีราคากลาง ๆ ไม่ถูกหรือแพงเกินไป แต่ยังคงมอบสเปคที่คุ้มค่า ทั้งในด้านสีสันที่สดใส และอัตราการรีเฟรชที่ดี โดยจุดเด่นของ VA คือความคอนทราสต์ที่สูงที่สุดหากเทียบกับพาเนลชนิดอื่น คอนทราสต์สูงจะช่วยให้ภาพคมชัด สีดำดูลึกและดำสนิท ขณะที่สีขาวก็จะดูขาวจริง ไม่ถูกกระทบด้วยแสงจากไฟ Backlight ซึ่งทำให้เหมาะสำหรับรับชมภาพยนตร์ได้ดี
จอ VA อาจไม่เหมาะกับการทำงานด้านการตกแต่ง ตัดต่อภาพ หรือวิดีโอระดับมืออาชีพ เพราะการแสดงผลสีอาจไม่ครบถ้วนและไม่รองรับช่วงสีที่กว้างพอ นอกจากนี้ยังมีข้อเสียในเรื่องของอัตราการรีเฟรชที่ต่ำกว่าหากเทียบกับจอ TN ในการเล่นเกม แต่โดยรวมแล้ว VA ถือเป็นพาเนลที่ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปที่ไม่เน้นไปทางใดทางหนึ่ง ไม่ว่าจะใช้ทำงานหรือเล่นเกม
ข้อดีของ VA
- สีสันสดใส เนื่องจากมี Contrast สูงที่สุด
- ให้สีดำที่สนิทกว่า IPS
- ราคาค่อนข้างดี จัดอยู่ระหว่าง IPS กับ TN
ข้อเสียของ VA
- มุมมองแคบ สีจะเริ่มเพี้ยนหากมองจากองศาด้านข้าง
- เกิด Motion Blur หรือ Ghost ได้มากกว่า IPS
TN คืออะไร ?
TN (Twisted Nematic) เป็นหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่ในอดีต และยังคงได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากมีอัตราการตอบสนอง (Response Time) ที่ต่ำ และรีเฟรชเรทที่สูง ซึ่งช่วยให้ได้เปรียบในการเล่นเกมโดยเฉพาะในระดับการแข่งขันมืออาชีพ เนื่องจากสามารถตัดสินผลแพ้-ชนะได้ภายในเวลาเพียง 1 วินาที นอกจากนี้ยังมีราคาถูกที่สุดในตลาด แต่ข้อเสียของจอประเภทนี้คือ สามารถแสดงสีที่จำกัดและมุมมองที่แคบ หากมองจากมุมที่เอียง สีของภาพจะเพี้ยนอย่างชัดเจน แม้ว่าในปัจจุบันจะมีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ช่วยปรับปรุงการใช้งานให้สะดวกมากขึ้น แต่จอ TN ยังคงได้รับความนิยม โดยเฉพาะในการเล่นเกมที่ต้องการการตอบสนองที่รวดเร็ว เช่น เกม FPS , Shooting , MOBA หรือ Battle Royale เป็นต้น
ข้อดีของ TN
- รองรับอัตรา Refresh Rate สูงสุดในบรรดาจอภาพทุกแบบ
- ตอบสนองดี Response Time ต่ำสุด เริ่มที่ 1 ms เท่านั้น
- ราคาถูกที่สุด
ข้อเสียของ TN
- คอนทราสต่ำ ทำให้สีค่อนข้างเพี้ยนหากเทียบกับจอภาพชนิดอื่น
- มุมมองภาพแคบ
IPS VA TN เลือกใช้แบบไหนดีกว่ากัน
การเลือกจอภาพให้เหมาะกับการใช้งานถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากเลือกซื้อเพียงเพราะความสวยงาม แต่ไม่ตอบโจทย์กับการทำงาน อาจทำให้เกิดปัญหาได้ อีกทั้งยังต้องเสียเงินเพื่อหาจอภาพใหม่มาใช้งานแทนตัวเดิมอีกด้วย
-
-
-
การใช้งานทั่วไป
-
-
สำหรับการใช้งานทั่วไป ที่ใช้สำหรับเล่นเน็ต , ดูหนัง , ฟังเพลง หรือทำการบ้าน โดยไม่เน้นการทำงานด้านกราฟิกมากนัก VA Panel ถือเป็นตัวเลือกที่ดี เนื่องจากมีค่าคอนทราสต์สูง และให้ภาพที่สวยคมชัดคล้ายกับจอทีวี แต่ก็มีข้อพิจารณาอยู่เล็กน้อย คือมุมมองการแสดงผลที่จำกัด ซึ่งจะให้ภาพที่คมชัดที่สุดหากมองจากด้านหน้า และอาจเริ่มเบลอหากมองจากด้านข้าง แต่จะไม่มากเหมือนกับ TN Panel
-
-
-
ใช้สำหรับทำงานออฟฟิศ
-
-
ไม่ว่าจะเป็นงานเอกสาร หรือใช้งานทั่วไป การเลือกจอแบบ IPS จะดีกว่า เพราะรองรับการใช้งานได้หลากหลายมากกว่าพาเนลประเภทอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีมุมมองที่กว้างที่สุด หากใช้ในสถานการณ์ที่ต้องให้หลายคนมองที่จอเดียว เช่นในที่ประชุม จะทำให้การแสดงผลคมชัดและสีไม่ผิดเพี้ยน ซึ่งสำคัญสำหรับงานเอกสารต่าง ๆ เช่นโปรแกรม Office ที่จอ IPS จะช่วยให้เห็นตัวอักษรได้อย่างชัดเจนมากขึ้น
-
-
-
ใช้ตัดต่องานกราฟฟิก
-
-
การทำงานด้านกราฟิกเป็นหลัก ส่วนใหญ่ต้องใช้จอภาพที่สามารถแสดงสีได้อย่างเที่ยงตรง เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ผิดเพี้ยนจากความต้องการ โดยเฉพาะในงานที่เกี่ยวกับชิ้นงานหรือโฆษณา ซึ่งต้องการภาพและสีที่สมจริงที่สุด ดังนั้น จอภาพที่ใช้เทคโนโลยี IPS จึงเป็นตัวเลือกที่นิยมในสายงานนี้ โดยควรเลือกจอ IPS ที่มีค่าสี sRGB มากกว่า 97 – 100% ขึ้นไป
อย่างไรก็ตาม จอภาพ IPS ก็ยังไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดเสมอไป เนื่องจากเทคโนโลยีใหม่อย่าง OLED ที่กำลังได้รับความนิยม เพราะมีคุณสมบัติที่เด่นในเรื่อง Contrast ที่สูง และขอบเขตสีที่กว้าง แต่ราคาก็สูงตามไปด้วยเช่นกัน
-
-
-
ใช้เล่นเกม
-
-
สำหรับการเล่นเกม การเลือกจอภาพที่มีค่า Refresh Rate สูงถือว่าสำคัญ เนื่องจากการเคลื่อนไหวของภาพในเกมเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หากจอภาพมีค่ารีเฟรชเรทต่ำ จะทำให้ภาพไม่ลื่นไหล และอาจมีการกระตุกหรือฉีกขาดระหว่างเฟรมได้ ดังนั้น เกมเมอร์ส่วนใหญ่จึงมักเลือกจอภาพที่มี Refresh Rate สูง และจอแบบ TN Panel ก็ถือเป็นตัวเลือกยอดนิยม เนื่องจากมีราคาที่ไม่สูงและสามารถเข้าถึงได้ง่ายอีกด้วย
สรุป
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะเลือกใช้จอภาพ IPS VA TN ก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณและการใช้งานของแต่ละคน หากงบประมาณจำกัด และต้องการจอที่รองรับการทำงานหลายประเภท IPS เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด แต่หากต้องการความคมชัดสูง และมีสีสันจัดจ้าน VA จะเหมาะสมกว่า หรือหากเน้นการเล่นเกม ไม่เน้นดูหนังหรือทำงานกราฟิก TN ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดี เพราะมีราคาที่ค่อนข้างสมเหตุสมผล แถมยังรองรับค่า Refresh Rate สูงอีกด้วย
* เนื้อหาในบทความอาจมีผิดพลาดได้ โปรดตรวจสอบข้อมูลใหม่อีกครั้ง