บทความข่าวสารไอที

router ใส่ซิม 5g ต่างจาก router ใส่ซิม 4g อย่างไร ?

router ใส่ซิม 5g ต่างจาก router ใส่ซิม 4g อย่างไร ?

ในปัจจุบัน โลกได้เข้าสู่ยุคของเครือข่าย 5G ซึ่งทำให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตมือถือสูงและเสถียรขึ้น ทำให้หลาย ๆ คนหันมาเลือกใช้ซิมรายปีแทนอินเทอร์เน็ตบ้านเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ส่งผลให้มีการผลิตอุปกรณ์อย่าง router ใส่ซิม 5g ขึ้นมา เพื่อช่วยกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตมือถือระบบ 5G โดยเฉพาะ เพียงแค่นำซิมมือถือมาใส่ในเราเตอร์

 

router ใส่ซิม 5g ต่างจาก router ใส่ซิม 4g อย่างไร ?

router ใส่ซิม จะมีลักษณะรูปร่างหน้าตาภายนอกเหมือนเราเตอร์กระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตบ้านทั่วไป แต่จะต่างกันตรงที่ router ใส่ซิม จะมาพร้อมช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดมือถือโดยเฉพาะ เพื่อกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากซิมการ์ดได้ สำหรับการกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตนั้น จะมีทั้งแบบรุ่นที่รองรับการใช้งานผ่านสายแลน (พอร์ต RJ45) และรุ่นที่กระจายสัญญาณผ่านระบบไร้สายอย่าง Wi-Fi เท่านั้น

 

ระหว่าง router ใส่ซิม 5g กับ router ใส่ซิม 4g จะต่างกันตรงที่ router ใส่ซิม 5g จะรองรับการใช้งานร่วมกับเครือข่ายสัญญาณ 5G ที่ประเทศไทยสามารถทำความเร็วในการดาวน์โหลดได้สูงสุด 1 Gbps (1,000 Mbps) ส่วน router ใส่ซิม 4g จะไม่สามารถรองรับการใช้งานร่วมกับซิมการ์ด 5G และสัญญาณ 4G และจะทำความเร็วในการดาวน์โหลดได้สูงสุด 300 Mbps เท่านั้น

 

router ใส่ซิม 5g ใช้งานในต่างประเทศได้หรือไม่ ?

หากถามว่า router ใส่ซิม 5g สามารถใช้งานในต่างประเทศได้หรือไม่ ต้องบอกตรงนี้เลยว่า สามารถใช้ได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการรองรับเครือข่ายและความถี่ที่ใช้งานในประเทศนั้น ๆ รวมถึงเงื่อนไขการโรมมิ่งของผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ แนะนำว่าก่อนเดินทาง ควรตรวจสอบว่าเราเตอร์ที่ใช้รองรับความถี่และเทคโนโลยีเครือข่ายในประเทศปลายทางหรือไม่ เช่น 3G , 4G หรือ 5G เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถเชื่อมต่อและใช้งานอินเทอร์เน็ตได้จริง

 

นอกจากนี้ แนะนำให้ตรวจสอบแพ็คเกจโรมมิ่ง หรือซิมการ์ดระหว่างประเภทที่ผู้ให้บริการเครือข่ายมีให้ ซึ่งบางครั้ง การซื้อซิมการ์ดในประเทศปลายทางอาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ามากกว่าการใช้งานอินเทอร์เน็ตระยะยาว โดยเฉพาะหากประเทศนั้นมีข้อเสนอแพ็คเกจอินเทอร์เน็ตที่ราคาถูก และให้บริการที่ครอบคลุม

 

router ใส่ซิม 5g ติดตั้งยากไหม

การติดตั้ง router ใส่ซิม 5g นั้นไม่ยากอย่างที่คิด แถมยังสามารถทำได้ง่ายมาก ๆ คนที่ไม่มีความรู้ในด้านนี้ก็สามารถทำการติดตั้งได้ด้วยตัวเอง ซึ่งจะมีขั้นตอนเพียงไม่กี่ขั้นตอน โดยเริ่มจากการใส่ซิมการ์ดของผู้ให้บริการเครือข่ายในช่องใส่ซิมของเราเตอร์ จากนั้นให้เปิดเครื่องและรอให้เราเตอร์เชื่อมต่อกับเครือข่ายมือถือ เราเตอร์ส่วนใหญ่จะมีแอพพลิเคชั่น หรือเว็บเบราว์เซอร์ที่สามารถใช้ตั้งค่าเบื้องต้น เช่น การตั้งชื่อเครือข่ายและรหัสผ่านสำหรับเชื่อมต่อ Wi-Fi นอกจากนี้ คู่มือที่ให้มาพร้อมกับตัว router ยังมีขั้นตอนในการติดตั้งอย่างละเอียด ทำให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งด้วยตัวเองได้อย่างง่าย ๆ และหากพบปัญหาในการติดตั้ง สามารถติดต่อกับทางผู้ให้บริการ หรือดูวิดีโอสอนติดตั้งบนอินเทอร์เน็ตเองได้เลย

 

router ใส่ซิม 5g มีวิธีการเลือกอย่างไร

router ใส่ซิม 5g มีให้เลือกด้วยกันหลายรุ่นหลายราคา ซึ่งในแต่ละรุ่นจะมีสเปกที่แตกต่างกันออกไป สำหรับวิธีการเลือก router ใส่ซิม 5g เพื่อให้ทุกท่านได้นำไปประกอบการพิจารณาเลือกซื้อ จะมีข้อมูลดังนี้

 

1. ตรวจสอบพื้นที่ที่ต้องการใช้งาน และเทคโนโลยีเครือข่าย

ก่อนการเลือกซื้อ สิ่งที่จำเป็นจะต้องตรวจสอบเป็นอันดับแรก ๆ เลยก็คือ พื้นที่ที่ผู้ใช้อาศัยอยู่ และการรองรับเครือข่ายสัญญาณอินเทอร์เน็ตมือถือว่าครอบคลุมหรือไม่ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพและประสบการณ์การใช้งาน router ใส่ซิม 5g ที่ดีที่สุดต่อไปนี้

      • ตรวจสอบพื้นที่ที่ต้องการใช้งานว่ารองรับสัญญาณ 5G หรือไม่

แม้จะเปิดให้บริการภายในประเทศมาได้สักพักแล้ว แต่ก็ยังมีบางพื้นที่ที่ยังไม่สามารถกระจายสัญญาณ 5G ได้อย่างครอบคลุม ควรตรวจสอบให้ดีว่าพื้นที่ที่ต้องการนำ router ใส่ซิม 5g ไปใช้งานนั้น สามารถรับสัญญาณ 5G ได้หรือไม่ โดยเฉพาะคอนโดหรืออาคารสูง รวมถึงพื้นที่ห่างไกล นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบแบบเบื้องต้นได้จากเว็บไซต์ แผนที่ความครอบคลุมเครือข่ายข้อมูลเซลลูลาร์ 3G , 4G และ 5G ที่จะแสดงแผนที่การกระจายสัญญาณได้อย่างละเอียด

      • ตรวจสอบคลื่นความถี่ของผู้ให้บริการเครือข่าย 5G ให้เข้ากับพื้นที่ใช้งาน

คลื่นความถี่ของเครือข่าย 5G ในไทย จะสอดคล้องกับผู้ให้บริการเครือข่ายสัญญาณมือถือ เพราะในแต่ละพื้นที่จะมีประสิทธิภาพในการรับสัญญาณที่แตกต่างกัน อีกทั้ง router ใส่ซิม 5g ในแต่ละรุ่นยังรองรับการใช้งานในคลื่นความถี่ที่ต่างกันออกไป จึงจำเป็นต้องตรวจสอบ 5G Band หรือ 5G NR ที่จะใช้ตัวเลขกำกับหลังตัวอักษร n ดังนี้

          • Low Band (600 – 900 MHz)

            Low Band จะตรงกับ Band ที่ใช้ในประเทศไทยคือ n28 โดยจะมีระยะสัญญาณที่กว้างมาก เป็นหนึ่งในสถานที่ที่สามารถกระจายสัญญาณครอบคลุมพื้นที่ใหญ่หลายตารางกิโลเมตร แต่ด้วยคลื่นความถี่ไม่สูง จึงมีความเร็วในการดาวน์โหลดและการอัพโหลดที่ไม่สูงเช่นเดียวกัน สำหรับผู้ให้บริการในคลื่นความถี่นี้คือ Dtac , AIS , Truemove H และ my by NT

          • Mid Band (1700 – 6000 MHz)

            Mid Band จะตรงกับ Band ที่ใช้ในประเทศไทยคือ n41 โดยจะมีระยะการส่งสัญญาณที่น้อยกว่า Low Band แต่จะเพิ่มความเร็วในการดาวน์โหลดและการอัพโหลดที่สูงกว่า เหมาะสำหรับพื้นที่หรือชุมชนขนาดกลาง สำหรับผู้ให้บริการในคลื่นความถี่นี้คือ AIS , my by NT และ Truemove H

          • High Band (26 GHz)

            High Band จะตรงกับ Band ที่ใช้ในประเทศไทยคือ n258 โดยจะมีระยะการส่งสัญญาณที่สั้นสุด และถูกคลื่นสัญญาณอื่น ๆ รบกวนได้ง่าย แต่จะมีข้อดีคือ ให้ความเร็วในการดาวน์โหลดและการอัพโหลดสูง สำหรับผู้ให้บริการในคลื่นความถี่นี้คือ AIS , my by NT , DTAC และ Truemove H

2. ตรวจสอบขนาดของซิมให้เข้ากับ router ใส่ซิม 5g

ซิมมือถือจะมีด้วยกันหลายขนาด แต่ที่นิยมใช้หลัก ๆ เลยจะมี 2 ขนาด คือ Micro SIM กับ Nano SIM โดยแต่ละขนาดจะมีความแตกต่างกัน ดังนี้

 

    1. Micro SIM มีขนาด 12 x 15 mm. ส่วนใหญ่จะใช้กับเครือข่ายโทรศัพท์ 3G และ 4G
    2. Nano SIM มีขนาด 8.8 x 12.3 mm. มีขนาดเล็กกว่าไมโครซิม มักเห็นในซิมมือถือ 4G และ 5G ซึ่ง router ใส่ซิม 5 ส่วนใหญ่จะรองรับ Nano SIM

3. ตรวจสอบจำนวนอุปกรณ์ที่สามารถใช้งานพร้อมกันได้

จากข้างต้น router ใส่ซิม 5g จะมีทั้งแบบรุ่นที่รองรับการเชื่อมต่อผ่านสายแลน (พอร์ต RJ45) และผ่านระบบไร้สาย Wi-Fi ซึ่งทั้งสองรูปแบบนี้ เมื่อมีจำนวนผู้ใช้งานถึงจำนวนที่จำกัดไว้ อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อใหม่ภายหลังจะไม่สามารถใช้งานได้จนกว่าอุปกรณ์ก่อนหน้าจะตัดการเชื่อมต่อออกก่อน โดยเฉพาะการใช้งานภายในร้านค้า คาเฟ่ หรือพื้นที่ขนาดใหญ่ ดังนั้น แนะนำให้ตรวจสอบว่า router ใส่ซิม 5g รุ่นที่กำลังพิจารณาเลือกซื้ออยู่นั้น สามารถรองรับการใช้งานอุปกรณ์พร้อมกันได้สูงสุดเท่าไหร่

 

4. คลื่นความถี่กับระยะการกระจายตัวของสัญญาณ

กระจายสัญญาณ Wi-Fi ของ router ใส่ซิม 5g จะใช้คลื่นความถี่ด้วยกัน 3 คลื่น คือ 2.4 GHz , 5 GHz และ 6 GHz โดยแต่ละคลื่นความถี่จะมีลักษณะเด่น และจุดที่ต้องพิจารณาแตกต่างกัน ดังต่อไปนี้

      • 2.4 GHz จะมีระยะการส่งสัญญาณไกล ครอบคลุม 20 เมตร ตัวสัญญาณสามารถเคลื่อนผ่านสิ่งกีดขวาง เช่น กำแพง ประตู ต้นไม้ ได้เป็นอย่างดี แต่จะมีความเร็วในการดาวน์โหลดและการอัพโหลดต่ำสุด หากเทียบกับคลื่นความถี่ 5 GHz และ 6 GHz นอกจากนี้ อุปกรณ์ส่วนใหญ่จะใช้คลื่นความถี่นี้เป็นหลัก ทำให้เมื่อใช้ Wi-Fi 2.4 GHz พร้อมกันจำนวนมาก อาจทำให้อินเทอร์เน็ตช้าลงได้
      • 5 GHz มีความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุด 3.5 Gbps แต่ก็ยังมีอีกหลายอุปกรณ์ที่ยังไม่รองรับคลื่นความถี่นี้ จึงเกิดความหนาแน่นในการเชื่อมต่อเพื่อใช้งานน้อย ส่งผลให้สัญญาณอินเทอร์เน็ตเสถียร สังเกตได้จาก อำนาจทะลุทะลวงต่ำ เคลื่อนที่ผ่านสิ่งกีดขวางได้ไม่ดีเท่าไหร่ และรองรับการใช้งานอุปกรณ์พร้อมกันน้อย ส่งสัญญาณได้สูงสุด 15 เมตร ต้องใช้งานใกล้กับเราเตอร์
      • 6 GHz รองรับความเร็วในการดาวน์โหลดได้สูงสุด 9.6 Gbps เป็นคลื่นที่ได้พัฒนาจุดด้อยของ 5 GHz ที่รองรับการใช้งานอุปกรณ์พร้อมกันได้น้อย ทำให้ใช้งานได้มากขึ้น อีกทั้งยังมีความหน่วงแฝงต่ำ แต่ยังมีสิ่งที่คล้ายกับกับ 5 GHz คือ อำนาจในการทะลุผ่านสิ่งกีดขวางที่ต่ำ และส่งสัญญาณได้ไกลเพียง 10 – 15 เมตร

5. เลือกรุ่นที่รองรับ Mesh Wi-Fi เพื่อรองรับการกระจายสัญญาณบริเวณกว้าง

ในปัจจุบัน เทคโนโลยีการกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตไร้สายอย่าง Mesh Wi-Fi ได้ถูกพัฒนาให้เพิ่มเข้ามา ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะเป็นการนำ router ใส่ซิม 5g ที่รองรับระบบ Mesh Wi-Fi รุ่นเดียวกันหรือยี่ห้อเดียวกันที่รองรับเทคโนโลยีของทางแบรนด์ โดยต้องมีตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไป โดยเครื่องแรกจะเป็นตัวกระจายสัญญาณหลัก ส่วนเครื่องที่ 2 หรือ Node จะเป็นตัวรับสัญญาณ ซึ่งจะทำการขยายสัญญาณไปยังพื้นที่ที่ต้องการผ่านระบบไร้สายโดยไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อสายแลน

 

นอกจากนี้ Mesh Wi-Fi ยังมีจุดเด่นคือ ตัวสัญญาณที่ทำการขยายนั้นจะยังใช้ชื่อ Wi-Fi (SSID) และรหัสผ่านเดียวกับเราเตอร์ตัวแรกทุกอย่าง โดยไม่ต้องเทียวเปลี่ยนสัญญาณทุกเครื่องเหมือนระบบ Access Point (AP) หรือ Repeater ทำให้การใช้งาน Wi-Fi มีความต่อเนื่องและลื่นไหล

 

สรุป

การเลือก router ใส่ซิม 5g และ router ใส่ซิม 4g เพื่อให้สอดคล้องกับลักษณะการใช้งานที่ต่างกัน หากเลือกรุ่นที่เหมาะสมจะช่วยให้สามารถเล่นอินเทอร์เน็ตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ควรเลือกแพ็คเกจอินเทอร์เน็ตมือถือของซิมนั้น ๆ ให้มีความเร็วที่เพียงพอต่อรูปแบบการใช้งานด้วย เพราะ router ใส่ซิม เป็นเพียงแค่ตัวกลางในการกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตเท่านั้น จะไม่สามารถช่วยเพิ่มความเร็วของแพ็คเกจอินเทอร์เน็ตที่เลือกใช้ได้

 

* เนื้อหาในบทความอาจมีผิดพลาดได้ โปรดตรวจสอบข้อมูลใหม่อีกครั้ง