ปัญหา UPS เปิดไม่ติด อาจทำให้องค์กรหรือธุรกิจเสียหายได้สูง โดยเฉพาะองค์กรหรือธุรกิจที่ต้องใช้อุปกรณ์ในการทำงานอยู่ตลอดเวลา เพราะ UPS ช่วยให้อุปกณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ สามารถทำงานได้ขณะไฟดับ โดยการเก็บพลังงานไว้ในแบตเตอรี่ แล้วจ่ายให้อุปกรณ์จนกว่าแบตจะหมด ยิ่งแบตเตอรี่เก็บพลังงานได้เยอะเท่าไหร่ ระยะเวลาสำรองไฟก็จะยิ่งนานขึ้นเท่านั้น การที่ UPS เปิดไม่ติด อาจเพราะระบบ System ในตัวเครื่องเกิดความผิดปกติ หรือแบตเสื่อมเพราะไม่ได้ใช้นาน ส่งผลทำให้ข้อมูลสำคัญ ๆ นั้นสูญหาย
สาเหตุที่ UPS เปิดไม่ติด เกิดได้จากอะไรบ้าง
-
-
-
แบตเตอรี่
-
-
แบตเตอรี่ ถือเป็นหัวใจสำคัญของ UPS เลยก็ว่าได้ แม้ว่าตัวเครื่องจะมีอายุการใช้งานที่นาน แต่หากอยากให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรตรวจเช็คสภาพแบตเตอรี่อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง รวมถึงทดสอบความต้านทานไฟฟ้า หรือสื่อกระแสไฟฟ้า พร้อมประเมินประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ด้วย
สัญญาณที่บอกว่าควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้แล้ว ได้แก่
- UPS มีค่าแรง Voltage ต่ำ
- การแจ้งเตือนแบตเตอรี่เสื่อม (บางรุ่นจะแจ้งเตือนด้วยการร้องเสียงดัง ๆ บางรุ่นจะแจ้งเตือนบนจอ LCD)
- UPS ไม่จ่ายไฟให้อุปกรณ์เมื่อไฟดับ
-
-
-
ตัวเก็บประจุ
-
-
ตัวเก็บประจุ (Capacitor) มีหน้าที่จัดเก็บและจ่ายพลังงานไฟฟ้า ซึ่งจะมีประเภทและขนาดที่หลากหลาย โดยอายุการใช้งานจะอยู่ที่ 5 – 7 ปี UPS ทั่วไปจะมีตัวเก็บประจุ 12 ตัว หรืออาจมีมากกนั้นสำหรับรุ่นระดับ Enterprise และยังช่วยปรับให้กระแสไฟเสถียรขึ้น ลดความผันผวน ปรับแรงดันไฟฟ้าและความถี่ให้คงที่
-
-
-
พัดลม
-
-
พัดลมของ UPS บางตัว สามารถทำงานได้เป็น 10 ปี ในขณะที่บางตัวใช้ได้ไม่กี่เดือนก็เสียแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานด้วย ภายในตัวพัดลมจะมีจารบี ซึ่งทำหน้าที่หล่อลื่นให้กับตัวใบพัด และจะค่อย ๆ ละลายจากอุณหภูมิที่สูง สัญญาณที่เตือนว่าพัดลมมีปัญหาคือ ตัวพัดลมจะเริ่มทำงานเสียงดัง เนื่องจากจารบีที่ลดน้อยลง ทำให้ใบพัดฝืด ซึ่งบางรุ่นจะมีเครื่องวัดความเร็วที่พัดลม โดยจะทำหน้าที่ร้องแจ้งเตือนหากความเร็วในการหมุนของพัดลมต่ำกว่ามาตรฐาน
-
-
-
ฟิลเตอร์
-
-
หากฝุ่นเกาะที่บริเวณฟิลเตอร์ระบายอากาศบนตัวเคส UPS อาจเกิดความร้อนสะสม และปิดการทำงานลง เพราะฝุ่นทำให้อากาศไม่สามารถไหลเวียนได้ แนะนำให้หมั่นตรวจเช็ค และคอยทำความสะอาดเช็ดถูอย่างสม่ำเสมอ
-
-
-
การเชื่อมต่อ
-
-
การเชื่อมต่อ ถือเป็นอีกสาเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุดที่ทำให้ UPS เปิดไม่ติด โดยเฉพาะการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในตัวเครื่อง ซึ่งจะไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก ควรแกะตัวเคสออกเพื่อดูสภาพภายในด้วย
-
-
-
Power Supply
-
-
ในกรณีที่เกิดเหตุไฟกระชาก อาจส่งผลให้ Power Supply ของ UPS เกิดความ Stress และทำให้มีความร้อนสูงได้ ดังนั้น หากสังเกตเห็นว่า UPS มีความร้อนสูงตลอดเวลาทำงาน เป็นไปได้ว่า Power Supply นั้นเกิดปัญหา ที่สำคัญ การตรวจเช็ค Power Supply เป็นสิ่งที่ทำได้ค่อนข้างยาก แนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจะดีกว่า
-
-
-
Contactor
-
-
Contactor จะมีหน้าที่สลับแผงวงจรไฟฟ้าให้ทำการเปิด-ปิด แถมยังอ่อนไหวต่อฝุ่นมาก หากมีฝุ่นไปเกาะใน Contactor อาจทำให้การทำงานนั้นหยุดลง ส่งผลให้ UPS ไม่ทำงาน และไม่สามารถสำรองไฟได้ ควรตรวจเช็คและทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
วิธีแก้ไขปัญหา UPS เปิดไม่ติด เบื้องต้น
หาก UPS ไม่สามารถใช้งานได้ สามารถตรวจเช็คและแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้ด้วยตัวเองดังนี้
-
- เช็คแบตเตอรี่ว่าชาร์จจนอยู่ในระดับที่สามารถทำงานได้ตามมาตรฐานหรือยัง หากเปิด UPS ติดแล้วดับ เป็นไปได้ว่ายังชาร์จแบตเตอรี่ได้ไม่พอ
- เช็คปุ่ม Power ว่ากดเปิดหรือยัง
- UPS บางรุ่น ต้องเช็คว่า UPS Software อัพเดตเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดแล้ว
- เช็คสาย Power Cord ว่าเป็นชนิดที่ถูกต้อง และสามารถเสียบใช้งานกับ UPS และปลั๊กไฟของประเทศที่ใช้งานได้
- เช็คเบรคเกอร์ของไฟบ้านว่าทำงานอยู่หรือไม่
- เช็คว่า UPS มีสถานะแจ้งเตือน หรือมีเสียงร้องเตือนหรือไม่
- หาก UPS อยู่ในโหมด Sleep ให้ทำการ Disable ให้กลับมาเป็นโหมดปกติ
- ลองถอดแบตเตอรี่แล้วเปิดใช้งานดู เพราะส่วนใหญ่หากถอดแบตเตอรี่ออกแล้วจะยังสามารถใช้งานได้ปกติ แต่จะไม่สำรองไฟขณะไฟดับ การถอดแบตเตอรี่ออกแล้วทดลองใช้งานก็ถือเป็นการเช็คอีกรูปแบบหนึ่ง
- หากเปลี่ยนแบตเตอรี่แล้วยังไม่สามารถใช้งานได้ ปัญหาอาจไม่ได้อยู่ที่ตัวแบตเตอรี่
สรุป
UPS เปิดไม่ติด สาเหตุอาจมาจากอุปกรณ์ภายในตัวเครื่องในหลาย ๆ ส่วน ซึ่งได้แก่ แบตเตอรี่ , ตัวเก็บประจุ , พัดลม , ฟิลเตอร์ , Power Supply หรือ Contactor แนะนำให้หมั่นตรวจเช็ค และทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้การใช้งานที่มีประสิทธิภาพ เพราะหาก UPS เปิดไม่ติด อาจส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานมากเลยทีเดียว
* เนื้อหาในบทความอาจมีผิดพลาดได้ โปรดตรวจสอบข้อมูลใหม่อีกครั้ง