บทความข่าวสารไอที

วิธีใช้ เครื่องบันทึก VIGI แบบละเอียดจัดเต็มทุกขั้นตอน

วิธีใช้ เครื่องบันทึก VIGI NVR4032H V1 แบบละเอียดจัดเต็มทุกขั้นตอน

วิธีใช้ เครื่องบันทึกVIGI

VIGI NVR4032H V1 คือเครื่องบันทึกวิดีโอเครือข่าย (Network Video Recorder) แบบ 32 ช่อง จาก TP-Link ในไลน์ VIGI ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในระบบกล้องวงจรปิดระดับมืออาชีพ รองรับการดูภาพสด บันทึก และจัดเก็บวิดีโอจากกล้อง IP ได้พร้อมกันสูงสุดถึง 32 ตัว โดยจุดเด่นของรุ่นนี้คือรองรับการใช้งานกับกล้องความละเอียดสูงสุดระดับ 8MP และสามารถถอดรหัสวิดีโอได้พร้อมกันหลายช่องโดยไม่หน่วง

มีพอร์ต SATA ถึง 4 ช่อง รองรับฮาร์ดดิสก์ลูกละ 16TB รวมแล้วเก็บข้อมูลได้ถึง 64TB มี HDMI Output รองรับความละเอียดสูงสุด 4K ใช้งานกับจอแสดงผลใหญ่ได้สบาย พร้อมฟีเจอร์ Smart Detection ที่รองรับการตรวจจับใบหน้า คน รถ หรือเหตุการณ์ผิดปกติ เช่น วัตถุถูกวางไว้หรือละทิ้ง ทั้งยังรองรับ ONVIF ทำให้เชื่อมกับกล้องหลายแบรนด์ได้ และใช้งานผ่านแอป VIGI หรือ Web UI ได้จากระยะไกล

เครื่องบันทึกVIGI รองรับทั้ง LAN 2 ช่อง, USB 3.0/2.0, Alarm In/Out, Audio In/Out และพอร์ต Serial สำหรับงานระบบ และยังมีระบบสำรองข้อมูล การตั้งตารางบันทึก ระบบแจ้งเตือน ความปลอดภัยด้วยรหัสหลายระดับ ทำให้เหมาะกับการใช้งานทั้งในร้านค้า โกดัง สำนักงาน หรือพื้นที่ที่ต้องการระบบรักษาความปลอดภัยแบบจริงจังและเสถียรขั้นสุด

การต่ออุปกรณ์และติดตั้งพื้นฐานให้พร้อมก่อนเริ่ม

ก่อนจะเปิดใช้งานเครื่อง ต้องเริ่มจากการเตรียมฮาร์ดดิสก์ก่อน ตัวเครื่องรองรับ SATA ได้ถึง 4 ลูก ความจุลูกละสูงสุด 16TB รวมแล้วเก็บวิดีโอได้สูงสุด 64TB ใครจะใช้งานแบบต่อเนื่องหลายเดือนสบายมาก วิธีใส่ก็แค่เปิดฝาครอบด้านบน ยึด HDD กับตัวถังด้วยน็อต ต่อสายไฟกับสาย SATA แล้วปิดฝา กลับไปยึดน็อตให้แน่นเหมือนเดิมแค่นั้นจบ

หลังจากต่อสายจอ HDMI หรือ VGA, สาย LAN, เมาส์ USB และเสียบปลั๊กเรียบร้อย เปิดจอแล้วจะเข้าสู่หน้าจอตั้งค่าเริ่มต้นแบบ GUI ทันที

ตั้งค่าเริ่มต้นผ่านหน้าจอแบบ GUI ง่ายเหมือนตั้งมือถือใหม่

หลังจากเปิดเครื่อง หน้าจอจะให้ตั้งชื่อเครื่อง ตั้งเวลาระบบ ตั้งภาษา และตั้งค่าเครือข่ายให้เชื่อมต่อเน็ตได้ จากนั้นจะให้สร้างบัญชีแอดมินพร้อมรหัสผ่าน แล้วสามารถตั้งรหัสสำหรับกล้องที่เชื่อมต่อพร้อมกันได้เลย ถ้าอยากให้ทุกกล้องใช้รหัสเดียวกันก็เลือกตัวเลือกใช้รหัสเดียวกับ NVR ได้เลย

จากนั้นจะมีระบบ Auto Initialize ช่วยค้นหากล้องที่เชื่อมอยู่ในระบบแล้วเพิ่มให้ทันทีแบบไม่ต้องตั้งค่าเอง แต่ถ้าอยากเลือกกล้องหรือปรับอะไรละเอียด ๆ เองก็ใช้โหมด Setup Wizard แทนได้ แล้วค่อยเลือกกล้องทีละตัวตามต้องการ

การเพิ่มกล้องเข้า NVR แบบละเอียดทุกทางเลือก

NVR รุ่นนี้รองรับทั้งกล้องของ VIGI และกล้องยี่ห้ออื่นที่รองรับ ONVIF สามารถเพิ่มกล้องได้ทั้งหมด 32 ตัว พร้อมกันในระบบเดียว ใครมีหลายแบรนด์ก็ไม่ต้องห่วง

การเพิ่มกล้องมีหลายวิธี

  • Plug and Play ถ้ากล้องอยู่ในวงเน็ตเวิร์กเดียวกัน และยังไม่ได้ตั้งรหัส กล้องจะถูกเพิ่มอัตโนมัติ
  • เพิ่มแบบแมนนวล ถ้ากล้องไม่เจออัตโนมัติ หรือเป็นกล้องที่ตั้งค่ามาแล้ว ต้องใส่ IP, รหัสผ่าน, โปรโตคอล และพอร์ตเอง
  • เพิ่มแบบเลือกจอเฉพาะ เหมาะกับกรณีที่อยากให้กล้องตัวนี้ขึ้นที่ช่องไหนของจอ ก็เลือกได้เลย

หากต้องการเปลี่ยน IP กล้องเพื่อป้องกันการชนกันในระบบ ก็สามารถแก้ IP ของแต่ละตัวจากเมนู Camera > Device Access > Modify IP Address ได้เลย

จัดการภาพจากกล้องให้ตรงใจผู้ใช้งานจริง

ในเมนู Display > Image สามารถปรับภาพได้หลากหลาย

  • ความสว่าง, คอนทราสต์, ความชัด, ความอิ่มสี
  • ตั้งค่าการรับแสงแบบออโต้หรือแมนนวล พร้อม Gain และ Shutter Speed
  • ระบบ Backlight Compensation (BLC), Wide Dynamic Range (WDR), Highlight Compensation (HLC)
  • White Balance ตั้งได้ทั้งแบบ Auto, Manual หรือ Preset

ยังสามารถตั้งค่าภาพกลางคืน เช่น ปรับโหมดอินฟราเรดให้เปิดเองอัตโนมัติ หรือเปิดแบบ Full-Color เมื่อจับได้ว่ามีคนหรือรถผ่าน

ตั้งOSD และพื้นที่ Privacy Mask แบบตรงจุด

ในเมนู OSD จะสามารถตั้งชื่อกล้องที่โชว์ในหน้าจอ Live View และในคลิปที่อัดไว้ได้ พร้อมตำแหน่งที่จะแสดงและเปิด/ปิดการโชว์ข้อมูลแต่ละช่องได้หมด ส่วน Privacy Mask ใช้สำหรับซ่อนพื้นที่ในภาพที่ไม่ต้องการให้แสดง เช่น หน้าต่างเพื่อนบ้าน กล่องจดหมาย หรือพื้นที่ส่วนตัวอื่น ๆ สามารถวาดกล่องทับในภาพได้เลย เลือกได้ว่าจะให้เบลอหรือมืดทึบ

ระบบการอัดวิดีโอแบบจัดเต็ม พร้อมจัดการง่าย

การอัดวิดีโอสามารถตั้งเวลา (Scheduling) อัดเมื่อมีการเคลื่อนไหว (Motion Detection) หรืออัดเองแบบแมนนวลก็ได้ นอกจากนี้ยังตั้งให้แยกบันทึกตามความละเอียดหรือสตรีมได้ เช่น Main Stream หรือ Substream แล้วแต่กล้องและความแรงของระบบ

ฟีเจอร์สำคัญคือการตั้ง Disk Quota และจัดกลุ่มฮาร์ดดิสก์เป็น Disk Group เพื่อควบคุมพื้นที่จัดเก็บได้อย่างแม่นยำ

ระบบ Playback ย้อนดูภาพได้แบบเฉพาะเจาะจง

เมนู Playback รองรับ

  • ย้อนดูแบบทันที (Instant Playback)
  • ย้อนจากเวลาแบบเจาะจง หรือเลือกแบบ Tag Playback สำหรับคลิปที่ตั้งแท็กไว้
  • เลือกดูคลิปจากเหตุการณ์ที่ตรวจจับได้ เช่น คนเดินผ่าน กล่องโดนย้าย กล้องถูกปิดบัง
  • ฟังก์ชันพิเศษ เช่น Digital Zoom, Export เป็นคลิป, ล็อกคลิปไว้ไม่ให้ลบ

ฟีเจอร์แจ้งเตือนและตรวจจับเหตุการณ์ที่ไม่ธรรมดา

การแจ้งเตือนของ NVR รุ่นนี้มีสองแบบใหญ่ ๆ คือ Event Alarm กับ Anomaly Alarm

Event Alarm จะทำงานร่วมกับกล้องที่มี AI ตรวจจับ เช่น

  • Motion Detection ตรวจจับความเคลื่อนไหว
  • Intrusion / Line Crossing / Object Removal / Region Entering
  • ตรวจจับคน, รถ, หรือแม้แต่เสียงแปลก ๆ (บางกล้องเท่านั้น)

Anomaly Alarm ตรวจจับความผิดปกติของระบบ เช่น กล้องหายไป (Video Loss), IP ชนกัน, ดิสก์พัง, Login ผิดซ้ำ ๆ, พัดลมเสีย ฯลฯ

เมื่อมีเหตุเกิดขึ้น สามารถตั้งให้มีเสียง Buzzer, เปิดสัญญาณแสง, ส่งข้อความ, หรือสั่งกล้องให้เริ่มอัดได้ทันที

การดูภาพสดแบบ Multi-View

สามารถดูภาพสดพร้อมกันได้สูงสุด 32 กล้อง แบ่งได้หลายแบบ 1/4/9/16/25/36 ช่องในหน้าจอเดียว พร้อมปรับเลย์เอาต์ได้ตามใจชอบ เช่น จอใหญ่สำหรับกล้องทางเข้า อีก 4 จอเล็กสำหรับมุมอื่น ๆ

นอกจากนี้ยังมี Toolbar สำหรับควบคุม Live View เช่น ซูมดิจิทัล, ปิดเสียง, ล็อกจอ, ถ่ายภาพนิ่ง, หรือหมุนมุมมองกล้องแบบ PTZ (ถ้ามีกล้องที่รองรับ)

ใช้แอป VIGI ควบคุมจากนอกบ้านแบบง่ายสุด

โหลดแอป VIGI จาก App Store หรือ Play Store แล้วสแกน QR Code ที่ติดหลัง NVR ก็เชื่อมกันได้เลยผ่านระบบคลาวด์ ในแอปสามารถดูภาพสด, ย้อนดูคลิป, เพิ่มกล้อง, ปรับการแจ้งเตือน, เปลี่ยนรหัส, แชร์อุปกรณ์ให้คนอื่นเข้าดู และตั้งค่าต่าง ๆ ได้เหมือนหน้าจอจริงเลย

คุมผ่านเว็บหรือซอฟต์แวร์ VIGI Security Manager ก็ได้

นอกจากแอปแล้ว ยังสามารถเข้าผ่านเว็บเบราว์เซอร์ด้วย IP ของเครื่อง NVR เพื่อดูภาพสดและตั้งค่าได้เหมือนกัน หรือจะใช้โปรแกรม VIGI Security Manager บน Windows เพื่อจัดการหลายเครื่องพร้อมกันก็สะดวกมาก

ฟีเจอร์เสริมเครื่องบันทึกVIGIที่ไม่ค่อยมีคนรู้แต่มีประโยชน์

  • Dual LAN รองรับการทำงานแยกเน็ตเวิร์ก เช่น LAN1 ไว้เชื่อมกล้อง LAN2 ไว้เชื่อมอินเทอร์เน็ต
  • RAID รองรับ RAID 1 และ RAID 5 สำหรับเก็บข้อมูลแบบปลอดภัยมากขึ้น (เฉพาะบางเวอร์ชันเฟิร์มแวร์)
  • พอร์ต RS-232 ใช้ดีบั๊กหรือเชื่อมกับระบบคอนโทรลกลางแบบโปร
  • รองรับการใช้ Audio In/Out สำหรับพูดคุยสองทางผ่านกล้องที่รองรับ