บทความข่าวสารไอที

QNAP TS-464 ต่างจาก QNAP TS-233 ยังไงบ้าง อ่านก่อนเลือกซื้อ

QNAP TS-464 ต่างจาก QNAP TS-233 ยังไงบ้าง อ่านก่อนเลือกซื้อ

คนที่กำลังมองหา NAS ตัวใหม่จาก QNAP แล้วเจอชื่อรุ่น TS-464 กับ TS-233 มักจะงงว่ามันต่างกันยังไง รุ่นนึงราคากระโดดไปอีกรุ่นแบบเท่าตัว แล้วฟีเจอร์ที่ให้มามันคุ้มแค่ไหนกับเงินที่ต้องจ่ายเพิ่ม สำหรับคนที่ใช้งานทั่วไปอาจรู้สึกว่า NAS มันก็เก็บไฟล์เหมือนกันหมด แต่ถ้าเจาะลึกเข้าไปจริง ๆ รายละเอียดพวกนี้แหละที่แอบมีผลกับการใช้งานระยะยาว ทั้งความเร็ว การรันแอป การทำงานพร้อมกันหลายอุปกรณ์ หรือแม้แต่การดูหนัง 4K ผ่านเครือข่ายในบ้าน การเข้าใจข้อแตกต่างแบบลงรายละเอียดช่วยให้เลือกได้ตรงกับการใช้งานจริง ไม่เสียเงินเกินความจำเป็น หรือพลาดของดีที่ตอบโจทย์กว่ารุ่นที่ราคาถูกกว่า

เรื่องของซีพียู กับพลังการประมวลผล

TS-464 ขับเคลื่อนด้วย Intel Celeron N5095 แบบ Quad-core ความเร็วสูงสุด 2.9GHz พร้อม burst mode สำหรับโหลดงานหนัก ๆ ได้สบาย ๆ ในขณะที่ TS-233 ใช้ซีพียู ARM Cortex-A55 จากแบรนด์ Realtek รุ่น RTD1619B ที่เป็น Quad-core เช่นกัน แต่จังหวะการประมวลผลจะอยู่ที่ 2.0GHz ซึ่งเป็นระดับที่เน้นประหยัดพลังงานมากกว่าระดับเร่งพลังเต็มเหนี่ยวแบบฝั่ง Intel

ซีพียูของ TS-464 รองรับการทำงานแบบ virtualization ได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะหน่วง ส่วนฝั่ง TS-233 จะเหมาะกับงานที่เป็น media streaming แบบพื้นฐาน หรือเน้นการเข้าถึงไฟล์มากกว่าการรัน service ซับซ้อนที่กินพลังประมวลผลหนัก ๆ

ช่องใส่ฮาร์ดดิสก์ และความสามารถในการขยาย

TS-464 รองรับการใส่ฮาร์ดดิสก์ได้ 4 ช่อง (3.5 นิ้ว หรือ 2.5 นิ้วก็ได้) และยังมีสล็อต M.2 NVMe SSD อีก 2 ช่อง ที่ใช้สำหรับ cache acceleration หรือจะใช้สร้าง storage pool แยกก็ได้ ส่วน TS-233 มีเพียง 2 ช่อง สำหรับ HDD ขนาด 3.5 นิ้ว เท่านั้น ไม่มี M.2 slot เพิ่มเติม

ความต่างเรื่องนี้มีผลชัดมากเวลาใช้งานจริง โดยเฉพาะกับสาย backup, VM, docker หรือคนที่ทำ media editing ผ่าน NAS เพราะการมี cache และพื้นที่ขยายเยอะ ทำให้การตอบสนองของระบบเร็วขึ้นกว่าแบบไม่มี cache

RAM ที่ไม่ได้มาเท่ากัน และอัปเกรดได้ไม่เท่ากัน

TS-464 มาพร้อม RAM ขนาด 4GB แบบ DDR4 ที่อัปเกรดได้สูงสุดถึง 16GB ด้วยสล็อต SO-DIMM 2 ช่อง ซึ่งเปิดโอกาสให้ดึงศักยภาพการใช้งานได้เต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น VM หรือ container หลาย ๆ ตัวพร้อมกัน ส่วน TS-233 ติด RAM มาให้เลย 2GB แบบฝังบอร์ด เปลี่ยนหรือเพิ่มไม่ได้

ตรงนี้สำคัญมากถ้าต้องการใช้งานในเชิงองค์กร หรือแม้แต่บ้านที่มีผู้ใช้งานหลายคนพร้อมกัน เพราะ RAM มีผลต่อการเปิดแอปหลายตัว และการใช้งานแบบ multi-user ที่ลื่นหรือหน่วงก็ขึ้นอยู่กับตรงนี้

พอร์ตเชื่อมต่อที่หลากหลายกับความยืดหยุ่นในการใช้งาน

TS-464 ให้มาครบแบบไม่ต้องง้อด็อก มีพอร์ต LAN 2 ช่องแบบ 2.5GbE, พอร์ต USB 3.2 Type-A ถึง 3 ช่อง และ HDMI 2.0 สำหรับต่อออกจอความละเอียด 4K ได้โดยตรง รองรับการใช้งานแบบ HTPC หรือ media center ได้เต็มสูบ ส่วน TS-233 มีพอร์ต LAN 1 ช่องแบบ Gigabit, USB 3.2 เพียง 1 ช่อง และไม่มี HDMI ใด ๆ ทั้งสิ้น

การมี HDMI และ LAN แบบ 2.5Gbps บน TS-464 ช่วยให้คนที่ใช้งานด้าน video editing, Plex, surveillance หรือแม้แต่งานที่ต้องใช้ bandwidth สูง ๆ สามารถทำงานได้ไหลลื่นกว่ามาก ขณะที่ TS-233 ออกแบบมาเน้นใช้งานแบบบ้าน ๆ หรือ office เล็ก ๆ ที่เน้นความเสถียรและประหยัดไฟ

ระบบปฏิบัติการ และแอปที่รองรับ

ทั้งสองรุ่นใช้ QTS เป็นระบบปฏิบัติการหลัก แต่ TS-464 รองรับ QTS เวอร์ชันเต็มที่เปิดฟีเจอร์พวก virtualization station, container station และ QuTS hero ได้ครบ ขณะที่ TS-233 มี QTS รุ่นเบาลง และไม่สามารถติดตั้งฟีเจอร์พวก VM หรือ advanced file system แบบ ZFS ได้

คนที่อยากใช้ NAS เป็น server แบบย่อม ๆ สำหรับหลายงานพร้อมกันจะรู้สึกได้เลยว่า TS-464 ทำอะไรได้มากกว่าเยอะ โดยเฉพาะการติดตั้ง docker image ที่ซับซ้อน การทำ snapshot versioning ที่กิน resource หรือการรันแอปพลิเคชันภายในที่มีโหลดหลากหลาย

การเข้ารหัสและการแสดงผลแบบ 4K

TS-464 มาพร้อมหน่วยประมวลผลการเข้ารหัส AES-NI และ hardware transcoding สำหรับวิดีโอ 4K ที่รองรับได้หลาย format ทั้ง H.264 และ H.265 ซึ่งเหมาะกับการ stream วิดีโอไปยังหลายอุปกรณ์พร้อมกันแบบไม่กระตุก ขณะที่ TS-233 มี transcoding engine ด้วยเหมือนกัน แต่ประสิทธิภาพจะจำกัดอยู่ที่งานทั่วไป ไม่ได้เหมาะกับการแปลงไฟล์แบบเรียลไทม์หลายไฟล์พร้อมกัน หรือใช้ทำ media server แบบเต็มระบบ

การรองรับ snapshot และ backup solution

TS-464 รองรับ snapshot ได้หลายเวอร์ชัน พร้อม integration กับ backup solution ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Active Backup, Hybrid Backup Sync หรือแม้แต่ backup ข้าม cloud ก็ยังรองรับหลายเจ้า เช่น Google Drive, Dropbox, OneDrive หรือ Amazon S3 ซึ่ง TS-233 ก็มี backup function แต่ความสามารถเชิงลึกจะจำกัดกว่า โดยเฉพาะในเรื่องของ scheduling และ multi-version snapshot

พลังของ QNAP ที่ขยายได้ในอนาคต

TS-464 สามารถเชื่อมต่อ expansion unit เพิ่มได้ในอนาคต เช่น UX-800P หรือ TR-004 เพื่อขยายพื้นที่จัดเก็บแบบไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่ อีกทั้งยังรองรับ QNAP PCIe expansion card ผ่าน expansion box (ผ่าน USB-C ไปยัง PCIe) ได้ด้วย ซึ่ง TS-233 ไม่สามารถทำแบบนั้นได้เลย เพราะไม่มีฮาร์ดแวร์ที่รองรับโหมดนี้

สรุป

QNAP TS-464 เป็นรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อคนที่ต้องการ NAS ระดับกึ่งองค์กร ใช้งานได้ยืดหยุ่นสูง รองรับการขยาย เพิ่ม RAM ใส่ SSD Cache ทำ VM ต่อ HDMI ได้หมด ส่วน TS-233 เป็นรุ่นเล็กสำหรับใช้งานทั่วไป ดูหนัง ฟังเพลง เข้าถึงไฟล์จากที่ไหนก็ได้ ทำ backup แบบเบสิกได้ครบ แต่ไม่เหมาะกับงานหนักหรืองานหลายอย่างพร้อมกัน

ทั้งหมดขึ้นอยู่กับว่าใช้ NAS ไปทำอะไรบ้าง ถ้ารู้ว่าอนาคตจะขยับขยายหรือเอาไปต่อยอดด้าน server, video, surveillance หรือ network storage แบบจริงจัง TS-464 ตอบโจทย์ได้มากกว่าแน่นอน