วิธีใช้ เราเตอร์ RT-AX82U
RT-AX82U ไม่ใช่แค่เราเตอร์ธรรมดา แต่มาพร้อมลูกเล่นแบบแน่น ๆ ที่ซ่อนอยู่ในทุกเมนู ใครที่อยากใช้ให้คุ้มทุกบาท ต้องรู้จักวิธีปรับแต่ละฟีเจอร์ให้เข้ากับการใช้งานจริง บทความนี้เลยรวบมาให้แบบครบทุกจุด เปิดหมดเปลือกจากคู่มือจริง ใช้ได้เลยไม่ต้องเดา
ตั้งค่าครั้งแรกให้ไหลลื่นไม่สะดุดตั้งแต่เริ่ม
ฟีเจอร์นี้คือระบบ Quick Setup สำหรับการติดตั้งครั้งแรก ใช้เพื่อช่วยให้เชื่อมต่อ Wi-Fi และอินเทอร์เน็ตได้ทันทีโดยไม่ต้องตั้งค่าเองทั้งหมด มันจะช่วยตรวจจับประเภทอินเทอร์เน็ตอัตโนมัติ แล้วนำผู้ใช้ผ่านขั้นตอนต่าง ๆ จนครบ เช่น ตั้งชื่อเครือข่าย สร้างรหัส Wi-Fi และสร้างบัญชีแอดมิน
หลังจากเสียบสายไฟ สาย LAN และเปิดเครื่องเรียบร้อย ให้เชื่อมต่อ Wi-Fi ชื่อ ASUS_XX ที่อยู่หลังเครื่อง จากนั้นเปิดเว็บเบราว์เซอร์เข้าไปที่ asusrouter.com (หรือพิมพ์ IP ของเราเตอร์ตรง ๆ เช่น 192.168.50.1) ระบบจะเด้งเข้าสู่ Quick Internet Setup โดยอัตโนมัติ เลือกประเภทการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เช่น PPPoE, Dynamic IP หรือ Static IP ตามที่ผู้ให้บริการกำหนด แล้วตั้งชื่อ SSID และรหัสผ่าน Wi-Fi ใหม่ตามใจชอบ จากนั้นสร้างบัญชีเข้าสู่ระบบเร้าเตอร์ พร้อมรหัสผ่านสำหรับแอดมิน
เปลี่ยนโหมดการทำงานแบบละเอียด
โหมดการทำงานในเราเตอร์นี้คือการเปลี่ยนฟังก์ชันของตัวอุปกรณ์ให้เหมาะกับการใช้งานแต่ละแบบ เช่น ถ้าอยากให้มันทำหน้าที่รับ Wi-Fi แล้วปล่อยต่อก็เลือก Repeater หรือจะให้กระจายสัญญาณใหม่แบบเต็ม ๆ ก็เลือก Wireless Router Mode การเปลี่ยนโหมดนี้ช่วยให้ปรับบทบาทของอุปกรณ์ได้แบบยืดหยุ่น
เข้าไปที่ Administration แล้วเลือก Operation Mode สามารถเปลี่ยนโหมดได้ 5 แบบ
- Wireless Router Mode โหมดปกติ กระจาย Wi-Fi แบบหลัก
- Access Point (AP) Mode ใช้เมื่อมีเราเตอร์หลักอยู่แล้ว และต้องการให้ RT-AX82U เป็นตัวกระจายเพิ่ม
- Repeater Mode รับ Wi-Fi จากเครื่องอื่นแล้วขยายสัญญาณต่อ
- Media Bridge ใช้เชื่อมกับ Wi-Fi แล้วแปลงให้เป็น LAN สำหรับอุปกรณ์ที่ไม่มี Wi-Fi
- AiMesh Node ใช้รวมกับเราเตอร์ASUS ตัวอื่นเพื่อทำระบบ Mesh
เลือกโหมดที่ต้องการ แล้วรอเครื่องรีบูตหนึ่งรอบก่อนใช้งาน
เปิดใช้ AiProtection พร้อมตั้งค่าระบบรักษาความปลอดภัย
AiProtection คือฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ทำงานร่วมกับ Trend Micro ซึ่งช่วยปกป้องเครือข่ายจากมัลแวร์ ฟิชชิง เว็บไซต์อันตราย และการโจมตีที่มาจากภายนอกและภายในเครื่องเครือข่าย มันสามารถสแกนหาช่องโหว่และแจ้งเตือนสิ่งที่ต้องแก้ไขแบบอัตโนมัติ
เข้าไปที่เมนู AiProtection > Network Protection แล้วกดเปิด Enable AiProtection หลังจากนั้นเลือก Scan เพื่อสแกนจุดอ่อนทั้งหมดของระบบ เช่น พอร์ตเปิด รหัสผ่านอ่อน หรือไม่ตั้งค่าความปลอดภัย ระบบจะแนะนำให้แก้ไขทีละจุด สามารถเปิดฟีเจอร์ Block Malicious Sites และ Two-Way IPS เพื่อป้องกันการโจมตีจากทั้งขาเข้าและขาออก
ตั้งค่า Parental Controls แบบเจาะรายอุปกรณ์
ฟีเจอร์ Parental Controls ถูกออกแบบมาเพื่อควบคุมการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของเด็กหรืออุปกรณ์เฉพาะในบ้าน ช่วยให้จำกัดเวลาและคัดกรองประเภทเว็บไซต์ได้อย่างแม่นยำ ช่วยเสริมความปลอดภัยและควบคุมการใช้งานที่ไม่เหมาะสมในบ้านได้
การตั้งค่าไปที่เมนู Parental Controls > Web & Apps Filters แล้วเลือกอุปกรณ์ที่ต้องการควบคุม จากนั้นเลือกหมวดที่ต้องการบล็อก เช่น Social Networking, Streaming, Games ฯลฯ กด Apply เพื่อใช้งานทันที หากต้องการจำกัดเวลาเข้าเว็บ ให้ไปที่ Time Scheduling แล้วเลือกวันและช่วงเวลาที่ต้องการบล็อก
ตั้งค่าเราเตอร์Game Features ทีละตัวให้สุด
หมวด Game Features คือเซ็ตของฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับเกมเมอร์ โดยมุ่งเน้นไปที่การลด Ping เพิ่มความเสถียร และจัดลำดับความสำคัญให้เกมออนไลน์ได้เล่นแบบลื่นไหล ทั้ง Gear Accelerator และ Open NAT จะช่วยให้ไม่ต้องเสียเวลาตั้งค่าด้วยตัวเองให้ยุ่งยาก
ในเมนู Game มีหลายฟีเจอร์ ให้เปิดใช้ตามนี้
- Gear Accelerator เลือกอุปกรณ์เกม เช่น PS5 หรือคอม แล้วกด Add เพื่อเพิ่มเข้าไป จากนั้นระบบจะเร่งความสำคัญการใช้งานเน็ตให้อุปกรณ์นั้น
- Mobile Game Mode เปิดผ่านแอป ASUS Router บนมือถือ ไปที่เมนู Devices แล้วเลือกอุปกรณ์มือถือ จากนั้นเปิด Mobile Game Mode แค่แตะครั้งเดียวก็เร่งสปีดให้เลย
- Open NAT ไปที่เมนู Game > Open NAT แล้วเลือกเกมจากลิสต์ เช่น Call of Duty, Fortnite กด Add แล้วระบบจะสร้างพอร์ตที่จำเป็นให้เอง ไม่ต้องไปนั่งพิมพ์เลขพอร์ตเองทีละช่อง
สร้าง Guest Network แบบล็อกแน่น
Guest Network คือฟีเจอร์ที่ช่วยแยกเครือข่าย Wi-Fi สำหรับแขกหรืออุปกรณ์ที่ไม่ต้องการให้เข้าถึงอุปกรณ์หลักในบ้าน เช่น คอมพิวเตอร์ NAS หรือเครื่องพิมพ์ โดยจะให้สิทธิ์ใช้งานอินเทอร์เน็ตเท่านั้น เหมาะกับการใช้งานในบ้านหรือออฟฟิศที่มีแขกมาเชื่อมต่อชั่วคราว
เข้าเมนู Guest Network เลือกว่าจะเปิดสำหรับคลื่น 2.4GHz หรือ 5GHz ได้สูงสุด 3 SSID ต่อคลื่น ตั้งชื่อเครือข่ายและรหัสผ่านได้ตามใจ เปิดฟีเจอร์ Access Intranet เพื่อบล็อกไม่ให้เข้าถึงอุปกรณ์อื่นในวงเดียวกัน เลือกเวลาเปิดใช้งานอัตโนมัติ เช่น ปล่อยให้ใช้งานแค่ 2 ชั่วโมงหลังจากเปิด แล้วตัดเน็ตอัตโนมัติ
แชร์ไฟล์ผ่าน USB ทำได้หลายแบบ
ฟีเจอร์ USB Application ช่วยเปลี่ยนเราเตอร์ให้กลายเป็น Media Center หรือ File Server ได้ทันที เพียงแค่เสียบอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเข้าไป ระบบจะให้เลือกใช้รูปแบบการแชร์ไฟล์หลายแบบ เช่น ผ่านเครือข่ายภายในหรือผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งเหมาะมากกับการแชร์ไฟล์ขนาดใหญ่หรือเปิดสื่อในอุปกรณ์หลายเครื่อง
เสียบ USB Drive หรือ External HDD ที่ด้านหลัง จากนั้นเข้าไปที่เมนู USB Application > Servers Center เลือกเปิดฟีเจอร์ที่ต้องการ
- Network Place (Samba) ให้เข้าถึงไฟล์ผ่าน Windows Explorer โดยพิมพ์ \routerlogin.net หรือ \IP ของเราเตอร์
- FTP Share เปิดให้โหลดไฟล์จากนอกบ้านผ่าน FTP
- Media Server เปิดไฟล์มีเดียผ่านทีวีหรืออุปกรณ์ DLNA ได้เลย
- AiCloud 2.0 ให้เข้าถึงไฟล์จากทุกที่ผ่านเว็บหรือแอป โดยใช้โดเมน asuscomm.com
ตั้ง QoS เพื่อจัดลำดับความสำคัญแบบละเอียด
QoS หรือ Quality of Service เป็นระบบที่ช่วยบริหารจัดการแบนด์วิธในเครือข่าย เพื่อให้แอปหรืออุปกรณ์ที่สำคัญกว่าได้รับความเร็วอินเทอร์เน็ตก่อน เช่น เกมออนไลน์หรือวิดีโอคอล จะไม่สะดุดแม้มีการโหลดไฟล์หนัก ๆ อยู่ในบ้านพร้อมกัน
การตั้งค่าไปที่เมนู QoS > Adaptive QoS แล้วเปิด Enable QoS จากนั้นเลือกประเภทการใช้งาน เช่น Gaming, Streaming, VoIP หรือ Web Surfing หรือจะเลือก Bandwidth Limiter เพื่อกำหนดความเร็วอัปโหลดและดาวน์โหลดของแต่ละอุปกรณ์แยกกันก็ได้ สามารถเข้าไปดู Traffic Analyzer เพื่อดูกราฟการใช้งานย้อนหลังได้อีกด้วย
ใช้ Dual WAN ให้เน็ตสำรองทำงานทันที
Dual WAN คือฟีเจอร์ที่อนุญาตให้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ 2 แหล่งพร้อมกัน เช่น เน็ตบ้านและเน็ตมือถือ เพื่อใช้งานแบบสำรองหรือแบ่งโหลดให้เน็ตสองเส้นทำงานพร้อมกัน ลดความเสี่ยงเน็ตล่ม และเพิ่มเสถียรภาพให้ระบบ
เข้าไปที่เมนู WAN > Dual WAN เปิด Enable Dual WAN แล้วเลือกพอร์ตที่สอง เช่น USB Modem หรือ LAN1 เป็นเน็ตสำรอง ตั้ง Failover Mode หรือ Load Balance ได้ จากนั้นเลือกความถี่ในการเช็กการเชื่อมต่อ เช่น Ping Gateway ทุก 5 วินาที หากเน็ตหลักล่มเมื่อไร เน็ตสำรองจะทำงานทันทีแบบไม่ต้องกดเอง
ตั้งค่า NAT, Port Forwarding และ DMZ แบบแอดวานซ์
การตั้งค่า NAT และ Port Forwarding เป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนที่ต้องการให้บริการในบ้านเข้าถึงจากภายนอก เช่น กล้องวงจรปิด เซิร์ฟเวอร์เกม หรือ NAS ส่วน DMZ จะเปิดช่องให้กับอุปกรณ์หนึ่งแบบเต็มที่ เหมาะกับคนที่ต้องทดสอบระบบหรือใช้งานเฉพาะทาง
การตั้งค่าไปที่เมนู WAN > Virtual Server / Port Forwarding แล้ว Add Profile ใหม่ ตั้งชื่อ ใส่ IP ภายในของอุปกรณ์ ใส่พอร์ตเริ่มต้นและสิ้นสุด เช่น 3074 สำหรับเกม แล้วเลือกโปรโตคอล TCP/UDP กด Apply เพื่อเริ่มทำงานทันที หากใช้ DMZ ให้ไปเปิดในเมนูเดียวกัน แล้วใส่ IP ของอุปกรณ์ที่ต้องการปล่อยทั้งหมดออกนอกไฟร์วอลล์ (ระวังความปลอดภัยด้วย)
ปรับแต่งคลื่น Wi-Fi ทั้งหมดอย่างละเอียด
เข้าเมนู Wireless แล้วตั้งค่าต่อไปนี้
- Band เลือก 2.4GHz หรือ 5GHz
- SSID ตั้งชื่อเครือข่ายแยกแต่ละคลื่นได้
- Channel เลือก Auto หรือกำหนดเอง เช่น ช่อง 36 หรือ 149 สำหรับ 5GHz
- Channel Bandwidth ปรับเป็น 20/40/80MHz แล้วแต่ความหนาแน่นของสัญญาณรอบข้าง
- Wireless Mode เลือก N, AC, AX หรือ Mixed Mode ได้ตามอุปกรณ์ที่ใช้งาน
- Transmit Power เลือกระดับความแรงของสัญญาณ Strong, Medium, Weak
วิธีอัปเดตเฟิร์มแวร์และรีเซ็ตค่าทั้งหมด
เข้าไปที่ Administration > Firmware Upgrade แล้วกด Check เพื่อเช็กเวอร์ชันล่าสุด ถ้าไม่อัปเดตอัตโนมัติ ให้ดาวน์โหลดไฟล์ .trx จากเว็บ ASUS แล้วอัปโหลดผ่านหน้านี้ได้เลย ถ้าต้องการ Backup ค่าให้ไปที่เมนู Restore/Save/Upload Setting แล้วกด Save ไฟล์ .cfg เก็บไว้ กรณีต้อง Reset ค่าทั้งหมด กด Restore Default Settings แล้วรอเครื่องรีบูต